อาจมองดูเหมือนการเอา ipad มาปู้ยี่ปู้ยำเด๋วอา่จจะมีสาวกมาแขวะผมได้ว่าไม่ได้ลองของจริงจะไปรู้อะไร อันนั้นผมคงไม่เถียงครับแต่ผมขอพูดไปตามเนื้อผ้าแล้วกัน ว่าข้อดีของมันน่ะมีนะครับ แต่มันเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ผมจึงมองว่าศักยภาพของมันซึ่งจะใช้ในประเทศของเรายังไม่เพียงพอต่อราคาที่เราต้องจ่ายไป ดังนั้นผมมองว่ามันเป็นการซื้อเทคโนโลยีในอนาคตก่อนคนอื่นๆเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ว่า Apple ผลิตมาขายแบบสั่วๆนะครับ ของที่ได้มาแน่นอนว่ามันมีคุณภาพ อันนี้ผมทราบครับ ขออย่าได้เข้าใจกันผิดนะครับ
<center>------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</center>
หลายๆท่านที่คลุกคลีอยู่ในวงการคอมพิวเตอร์หรือมักจะอัพเดตข่าวคราวไอทีกันอยู่เป็นประจำก็น่าจะเคยได้ยินชื่อของเจ้า "ipad" กันมาอย่างน้อยก็ครั้งนึงนั่นแหละ แต่จะมากน้อยตื้นลึกหนาบางนั้นก็คงจะแตกต่างกันไปตามความสนใจของแต่ล่ะท่านล่ะครับ
ซึ่งหากใครที่ยังไม่เคยได้ยินหรือกำลังสนใจมันอยู่ก็มาดูข้อมูลและรายละเอียดพร้อมทั้งภาพประกอบกันอย่างคร่าวๆซะหน่อยดีกว่าครับ (ขอไม่เจาะลึกครับ เพราะบอร์ดเราไม่ใช่้บอร์ดคอม ก็เอาพอหอมปากหอมคอแล้วกันเนอะ)
<center>

ipad นั้นเรียกได้ว่าเป็นลูกครึ่ง(ควบ2)(ยิง3ลูกกินเต็ม พะนะ) ไม่ดีๆไม่สนับสนุนให้เล่นการพนันครับไม่เชื่อมาพนันกันดูได้ เอ้านอกเรื่องไปไกล ipad นั้นเป็นลูกครึ่งระหว่าง iphone และ Mac Book ครับ
<center>

เจ้า ipad มันก็มีหน้าตาอย่างภาพด้านบนนี่แหละครับ สำหรับข้อมูลทางกายภาพ iPad และจุดเด่นของมันคือมีหน้าจอ 9.7 นิ้ว หนาเพียง 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่ทางบริษัทผลิตขึ้นเอง สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง(นานเหมือนกันนะเนี่ย) เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi และเครือข่าย 3G ได้ (ใส่ซิมแบบ Micro SIM)
<center>

โดยชุดมาตรฐานของ ipad นั้นจะไม่มี keyboard มาให้แต่ใช้คีย์บอร์ดแบบทัช ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในมือถือแบบทัชสกรีนหลายๆรุ่นในปัจจุบัน (ทำให้ดูหรูหรา) แต่ในแง่ของการใช้งานนั้น การทัชหากไม่ไหลลื่น (ซึ่งมันไม่ไหลลื่นแน่) ก็จะทำให้การพิมทำได้ยากมาขึ้น ก่อความรำคาญได้เช่นกัน (แต่ก็มีชุดคีย์บอร์ดที่สามารถต่อเสิรมเข้าไปสำหรับใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น)
<center>


ใน ipad นั้นก็จะใส่ชุดโปรแกรมมาตรฐานของ iphone เข้ามาให้อันได้แก่ พวก browser การดูหนัง ฟังเพลง รูปภาพ iwork (โปรแกรมจัดการพวกเอกสารของ apple เค้าล่ะ )และอื่นๆดังที่ iphone มีซึ่งปัจจุบันมีชุดโปรแกรมากมายกว่า 140000 โปรแกรม เค้าว่าอย่างนั้นนะ(ผมก็ไม่เคยใช้หรอกครับ ไม่มีปัญญาหุหุ) แต่ก็แน่นอนครับ เสียตังค์กันไปตามระเบียบ แต่นั่นก็ไม่ถือเป็นข้อเสียของมันแต่อย่างใดสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์ขนาดใช้ iphone หรือ ipad ได้
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในส่วนอื่นๆของเจ้า ipad แบบคร่าวๆครับ
CPU : 1GHz Apple A4
แบตแบบ lithium-polymer battery 25 watt
- 10 ชั่วโมงสำหรับการใช้ WI-FI หรือฟังเพลง
- 9 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานผ่าน 3G
มีเซ็นเซอร์ที่ใช้สำหรับหมุนหน้าจอใช้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
มีระบบฟิงเกอร์ปรินท์
มี USB Connector (แต่ผมไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงไหนแฮะ)
ความจำแบบ Flash Memory (ขนาดก็แล้วแต่ราคาครับ)
ช่องเสียบหูฟัง สเตอริโอ 3.5 มม
ลำโพงแบบบิลด์อินแต่เป็นโมโนนะ
Bluetooth 2.1 + EDR technology
Wi-Fi (802.11a/b/g/n)
GSM/EDGE (850, 900, 1800, 1900 MHz)
และรองรับระบบ 3G
อืมมม จะว่าไปมันก็คือ iPhone ขนาดใหญ่สินะ หุหุ อย่่ากระนั้นเลยครับ ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นการแสดงผลและการประมวลผลมันก็ย่อมต้องดีขึ้นตามไปด้วยครับ และแน่นอนครับ ส่วนประกอบของอุปกรณ์และฟังชั่นต่างๆของ Apple ไม่ใช่แค่อุจจาระๆ จับมายัดๆใส่ให้เราใช้ๆกันไปอย่างแน่นอน
<center>

ทีนี้จากบรรทัดนี้ไปเป็นการความคิดของผมล้วนๆนะครับโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ณ เวลานี้ถามว่า ipad ให้อะไรกับเรานอกจากเป็น iphone ที่มีขนาด 9.7 นิ้ว มันสามารถใส่ซิืมได้นะครับแต่เป็นแบบ Micro SIM ซึ่งไม่ค่อยมีคนใช้กันหรืออย่างน้อยในบ้านเราก็หายากล่ะ และถ้าจะว่าไปแล้ว ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องที่ถึงแม้จะมี CPU ที่รันได้เร็วกว่า iphone ถึง 2 เท่าแต่มีแรมเท่ากันที่ 256 MB ในส่วนนี้ระหว่าง iphone กับ ipad สำหรับผมว่า iphone ดูจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลมากกว่า ทั้งในแง่ของความเป็นโทรศัพท์ได้ด้วย และการพกพาที่สะดวกมากกว่า (ก็แน่ล่ะอันเท่าฝาเข่งยกไปโทรคงพิลึก หุหุ)
และต่อให้จุดเด่นของ ipad นั้นอยู่ที่หน้าจอขนาด 9 นิ้ว (ซึ่งแน่นอนมันใหญ่กว่า iphone) ผมก็ยังคิดว่าเราซื้อเน็ตบุคดีๆซักเครื่องนึงจะมีการใช้งานที่หลากหลายและอเนกประสงค์มากกว่า หรือสำหรับใครที่เป็นสาวกของ apple ผมก็มองว่าการซื้อ Mac book ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า เพราะอย่างน้อยน้ำหนักและขนาดของจอก็ไม่ได้กินกันมากมาย แถม Mac Book ก็ย่อมทำอะไรได้หลากหลายกว่าเยอะแยะ (ถึงแม้ ipad จะสะดวกในการพกพาและใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วๆไปได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องเปิดเข้าเปิดออก ดังนั้นก็อยู่ที่การใช้งานครับว่าเราใช้อะไรมากกว่ากัน ถ้าหากเป็นการเช็คเมล์ข่าวสาร ตามหุ้น ลุ้นหวย ipad ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ดีได้เช่นกันครับ) ทั้งนี้และทั้งนั้นราคาของ Macbook กับ ipad ก็ต่้่างกันมากโขนะครับ
ผมไม่ได้มีอะไรไม่ชอบหรือไม่พอใจ ตลอดจนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับแบรนด์ใดๆทั้งสิ้นครับ ผมนับถือความเป็น Apple ครับที่กล้าๆขึ้นมาทาบรัศมีของ Microsoft หากแต่สิ่งไหนดีไม่ดีัผมก็พูดไปตามที่เห็น ว่ากันไปตามที่คิดและที่มันเป็นครับ แต่ละค่ายแต่ล่ะผลิตภัณที่หลายๆค่ายบรรจงถีบออกมานั้นมันมีทั้งดีและก็ไม่ดีปะปนกันไปครับ จะหาที่มันไร้ที่ติเลยในสมัยนี้ก็ดูจะเป็นไปไม่ได้ เฮ้อออ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ย่อมขึ้นกับความพึงพอใจและกำลังทรัพย์ของแต่ล่ะท่านครับ หากท่านใดมีเม็ดเงินในกระเป๋ามากก็ซื้อไปเถอะครับ คิดซะว่าเป็นค่าสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆก่อนใครๆ
แต่สำหรับท่านที่เม็ดเงินที่ต้องออกจากกระเป๋าไปทุกบาททุกสตางค์ต้องคุ้มค่าที่สุด(เหมือนผม จะว่างกก็ได้อิอิ) ก็ต้องพิจารณาถึงประโยชน์ของมันกันหน่อยล่ะครับจริงไหม สรุปง่ายๆครับถ้าหากคิดว่าจะซื้อจริงๆ ลองกลับไปนอนก่ายหน้าผากดูอีกซักรอบครับว่า จะซื้อ iPhone หรือ Mac Book ดีโดยคำนึงถึงการใช้งาน หากค่อนไปทางไลฟ์สไตล์ที่ต้องเดินทาง แค่เข้าเล่นเน็ตดูหนังฟังเพลงระหว่างเดินทาง iPhone ก็ดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าจะเอาให้ครอบคลุึมหน่อยก็ขยับขึ้นไปเป็น Mac Book ก็ดูจะสมเหตุสมผลกว่าครับ
หมายเหตุ : iPad มีทั้งหมด 6 รุ่นย่อย โดยแบ่งเป็นรุ่นที่มีและไม่มี 3G (รุ่นที่ไม่มี 3G ต้องเชื่อมกับ Wi-Fi เท่านั้น) หน่วยความจำมี 3 ขนาดคือ 16GB, 32GB, 64GB รุ่นต่ำสุดคือ 16GB ไม่มี 3G เริ่มต้นขายที่ราคา 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17,000 บาท (วางจำหน่ายไปแล้วนะครับ)
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเป็คอย่างละเอียดของ ipad ครับเผื่อใครจะสนใจ
http://www.apple.com/ipad/specs/
สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอกล่าวคำอำลากันเพียงเท่านี้ครับ หากบทความนี้ไม่เป็นที่พอใจแก่ท่านใด ก็ต้องขออภัย และกรุณา โต้แย้งมาอย่างมีเหตุผลครับ ผมยินดีรับฟัง และมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกท่านอื่นๆด้วยครับผม
