เอามาจากเว็บ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8804433/S8804433.html
ควันหลงจากศึกคิงส์ คัพ ที่เราด่ากันก็มาก ประชดกันก็มาก หรือแม้แต่โห่ไล่ตั้งแต่นักเตะ โค้ช จนถึงสมาคม
อ่านมาหลายสิบกระทู้ ทั้งวิจารณ์ ทั้งด่าด้วยเหตุผล หรือด่าด้วยความสะใจ มีหมด... ทีนี้ลองมาฟังจากมุมมองของคนนอกกันบ้างนะครับ
พอ ดีได้มีโอกาสคุยประมาณ 10 นาที กับ ทูร์เบน สตวร์ม ผู้ช่วยของมอร์เท่น โอลเซ่น รวมทั้งตัวโอลเซ่นเอง และก็โค้ชอีกคน (ไม่ได้ถามชื่อ)
ด้วยการ ที่พวกเดนส์ เป็นคนง่ายๆแต่ตรงไปตรงมา ฉะนั้นคำตอบที่ได้รับ ก็เตรียมใจแล้วว่าบาดหูแน่นอน (ต่างกับการคุยกับคนอังกฤษ ที่จะพูดจาภาษาดอกไม้ อ่อนหวาน แต่แอบเสียดสีและจิกกัด)
สตวร์มเริ่ม ได้ชัดเจนมาก "นักบอลไทยทักษะพื้นฐานแย่มาก" และขยายความต่อมันทีว่า นักตะไทย ต่างกับนักบอลอาชีพในยุโรป หรือแม้แต่เกาหลีใต้ที่เขาเพิ่งเตะด้วยมาเมื่อปลายปีก่อน พวกเขาดูไทยซ้อมตั้งแต่ไทยมาถึงโคราช รวมถึงดูไทยแข่งกับสิงคโปร์ ซึ่งไทยนั้นขาดมากๆในเรื่องของ
1. การเคลื่อนไหวทั้งเวลามีบอล และไม่มีบอล (movement while on/off the ball)
2. การมอง (vision)
3. การมีสมาธิอยู่กับเกมส์ (Concentration)
เขา บอกว่า มันเป็นจุดสำคัญในการเล่นฟุตบอลจริงๆ เรื่องทักษะอื่นๆเป็นเรื่องปลีกย่อย และแปลกใจมากๆที่คนไทยไม่ให้ความสำคัญในเรื่องพวกนี้เลย
เพราะอย่างทีมยุโรปหรือญี่ปุ่น คนจะเป็นนักบอล อย่างแรกเลยคือต้องมีไอ้สามอย่างที่ว่า
พูด ถึงตรงนี้ โอลเซ่นเดินมาฟัง ก็เสริมว่า เดนมาร์กเองก็เพิ่งพัฒนาตรงนี้ในสมัยที่จ้าง เซ็ป พิออนเท็ค เข้ามา เพราะโดยปกติแล้ว ทักษะของนักบอลเดนมาร์ในช่วงก่อนปี 80 ถือได้ว่าด้อยมากๆในยุโรป ยิ่งถ้าเทียบกับเพื่อรักอย่างสวีเดน จะเห็นเลยว่าสวีเดนมีนักเตะพรสวรรค์มาโดยตลอด
พิออนเท็คนำระบบการฝึก ที่เข้มข้นแบบทหารมาใช้ แล้วก็พาเดนมาร์กแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 86 ซึ่งตอนนั้นโอลเซ่นก็เป็นหนึ่งในนักเตะในยุคนั้นด้วย
พอทำได้ดี เดนมาร์กก็พัฒนาระบบเยาวชน เพื่อไม่ให้ขาดความต่อเนื่อง และหลังจากนั้นมา ก็จะเห็นเดนมาร์กอยู่ในมาตรฐานนนี้มาตลอด
สตวร์มถามถึงระบบเยาวชนของเรา ผมตอบไปว่าน่าจะเริ่มหลังจากนักบอลเราจบ ม.ปลาย
แล้วก็หาสังกัด พร้อมด้วยเรียนไปด้วย ... คิดว่ามีน้อย ที่จะมีสังกัดตั้งแต่ตอนต้น
อันนี้แหละครับ ที่โค้ชเดนมาร์กอึ้งไป แล้วบอกว่า มันช้าไปครับ
เด็กไทยอายุ 13-14 เพิ่งจะมาเ้ริ่มปลูกฝังความเข้าใจในเกมส์ ทางวิ่ง การประกบตัว หรือการคิดก่อนจับบอล การมอง ฯลฯ
ใน ขณะที่เดนมาร์ก หรือประเทศอื่นๆในยุโรป สอนเรื่องแบบนี้กับนักเตะของเขาตั้งแต่ 7-8 ขวบแล้ว ฉะนั้นการคิด การวิ่ง หรือการมอง พวกนี้จะทำได้เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ความ "พยายาม" ในการปรับเปลี่ยนทัศนะคติเหมือนของเรา
คำถามเด็ด ... ผมถามว่า พวกคุณวางแผนยังไงให้ไทยต้องโยนๆๆๆ
โอ ลเซ่น ขำครับ และบอกว่า ทีมไทยไม่ได้จะโยนหรอก เขาเห็นร็อบสันก็พยายามบอกให้ค่อยๆเล่น แต่จากการที่ไทยขาด 1-2-3 มันก็เลยต้องโยน เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น ... เกมส์รับของไทยล่ะ? ถามต่อ .... โอลเซ่นตอบว่า "ขาดสมาธิ และมองแต่บอล"
พูดแล้วลุงแกก็ไปทำธุระ เตรียมกลับบ้าน
****
ครับ นั่นก็เป็นบทสนทนา ที่ผมถือว่าไม่ยาว แต่ตรงใจมากๆ จริงๆอยากคุยด้วยนานกว่านี้ แต่ก็เกรงใจ
บางครั้งเราคิดว่า ถ้าหากมีระบบทีมเยาวชนที่ดี จะทำให้การพัฒนาของเรา จากนักบอลโรงเรียน สู่วัย 19-21 จะมีความต่อเนื่องมากขึ้น
แต่จากความเห็นของเดนมาร์ก มันต้่องเริ่มตั้งแต่บอลนักเรียนเลยครับ .... อันนี้พอผมมาลองคิดดู มันก็ใช่ล่ะ เพราะว่าบอลเด็กของเรา
อาจ จะเก่งสูสีกับพวกญี่ปุ่น เกาหลี หรือพวกยุโรป แต่เราใช้ความสามารถเฉพาะตัว + ความคล่อง + ความเร็ว เข้าสู้มาตลอด รูปเกมส์หรือบอลคอนโทรล เราสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว .. โอเค เราอาจจะมองข้าม เพราะเราชนะได้ เราสู้ได้ แต่พอโตขึ้น มันเห็นผลครับ
ก็ปิดฉากลงไปนะครับ เดนมาร์กกลับไปแล้ว มาคราวนี้ถึงไม่มีดารา แต่เขาก็ทิ้งของดีให้เราได้ดูมากมาย และที่เขาโชว์ให้ดู ก็คือสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยอยากเห็นกัน และอยากให้ไทยทำได้อย่างนั้นด้วย
ทั้ง เดนมาร์ก รวมทั้งโปแลนด์ หรือแม้แต่สิงคโปร์ (และกรรมการโคลนนิ่งจากกาฬทวีป -_-") ทำให้คิงส์ คัพ ครั้งที่ 40 สำหรับผม มันมีอะไรมากกว่าไปเพื่อเชียร์ไทยได้แชมป์ครับ