โดย Barga1n » พฤหัสฯ. เม.ย. 22, 2010 05:08
โดย TokTakJang » พฤหัสฯ. เม.ย. 22, 2010 07:49
~Alex~ เขียน:เหอะๆไม่รู้จะบรรยายยังไงมีใครเคยเปนมั่งงงบ้านผมเปลี่ยนมาเป็น4เมกแต่เช็คมาวันนี้วันที่สองหละวิ่งแค่0.83เองงงมันยังไงครับ.....เง้ออออออออออ
โดย ~Alex~ » พฤหัสฯ. เม.ย. 22, 2010 11:34
TokTakJang เขียน:~Alex~ เขียน:เหอะๆไม่รู้จะบรรยายยังไงมีใครเคยเปนมั่งงงบ้านผมเปลี่ยนมาเป็น4เมกแต่เช็คมาวันนี้วันที่สองหละวิ่งแค่0.83เองงงมันยังไงครับ.....เง้ออออออออออไขปัญหาข้อสงสัยให้ครับ จากคนที่เคยทำงานด้านนี้มาพอสมควร-ปัญหาเรื่อง net วิ่งไม่เต็ม speed นั้น ตอนเราซื้อ packet จะบอกว่าได้กี่ M ตามราคาคุยแต่... เค้าไม่ได้บอกรายละเอียดว่ามันมีส่วนประกอบอื่นด้วย -อัตราการ share bandwidth 1:เท่าไร เช่น 1: 50 ซึ่งเป็นข้อมูล ลับของทุกๆ ISP ทีให้บริการนั้นละซึ่งจะไม่มีบอกคับ ต้องระดับ network engineer ถึงจะรู้ไม่ต้องไปถาม call center ให้เค้างง หรอกคับ(ตัวผมก็ไม่ได้เป็น network engineer หรอกคับแต่เคยถาม network engineer ที่เคยทำงานด้วยกันมาเป็นความรู้ครับ) - ความหมายแบบ บ้านๆของ 1: 50 ก็คือ เหมือนถนน 1 เส้น แล้วมีรถวิ่งเข้าไปใช้พร้อมๆกัน 50 คันนั้นละ ถ้ารถน้อยทางสะดวกคุณก็วิ่งสบายแต่ถ้ารถเยอะคุณก็ต้องค่อยๆ ไปมันอยู่ที่ว่าถนน 1 เส้นใหญขนาดไหนครับถ้าใหญ่ 50 คนก็สบายแต่ถ้าเล็กก็แย่หน่อย-ปัญหาต่อมาคือเป็นที่ line (หมายถึงสายโทรศัพท์ที่เราใช้กันนี่ละคับ) -ปัญหาของการเพิ่ม speed ให้ลูกค้ามันไม่ใช้เพิ่มให้แล้วปัญหาจะไม่เกิด ต้องเฉพาะคนที่ดวงดีเท่านั้นละครับ -เดิมสายโทรศัพท์ที่เราใช้กันอยู่ก็เก่ากันพออยู่แล้วโดยเฉพาะ TOT เพราะเป็นของรัฐบาล อันนี้ผมคงไม่ต้องอธิบายนะครับ (ผมหมายถึงสาย main นะครับไม่ใช้สายในบ้านเรา) + กับระยะทางจากชุมสายถึงหน้าบ้านเรา โดยปกติการใช้งาน dsl ไม่ควรจะเกิน 3 กม.ครับถ้าเกินกว่านั้นจะมีผลอื่นๆตามมาแล้วจะอธิบายให้ทราบอีกที - อย่างที่ว่าไว้ครับถ้าไม่เกิน 3 กม.ผลของปัญหาเรื่อง line จะน้อยมากอาจจะมีบ้างแต่แก้ไขได้ง่ายกว่า คนที่เกิน 3 กม.ครับ(ซึ่งตรงนี้ก็ต้องคุยกับช่างโทรศัพท์หรือช่าง internet ที่มาซ่อมให้เราที่บ้านแหละครับถามเค้าดูว่าเบอร์เรานะไกลจากชุมสายกี่ กม. ไม่ต้องไปถาม call ให้อารมเสียคับ) -วิธีเช็คค่า สัญญาณต่างใน router ของเราผมจะบอกตัวที่ต้องใช้และที่ดูง่ายๆนะครับอยู่ที่ router ที่คุณใช้ครับแต่ละยี่ห้อวิธีดูไม่เหมือนกันแต่จะมีค่าให้ดูเหมือนๆกัน Downstream Upstream SNR Margin : 18.0 19.0 db Line Attenuation : 37.0 24.3 db Data Rate : 4736 606 kbps ความหมายของค่าต่างๆ-Downstream =ค่าสัญญาณของฝั่งขา download-Upstream =ค่าสัญญาณของฝั่งขา upload-SNR Margin =Signal to Noise Ratio Margin คือ ค่าความเข้มของสัญญาณ ยิ่งเยอะเท่าไรยิ่งดีครับ-Line Attenuation= ค่าสัญญาณรบกวนภายในสาย อันนี้คงแปลกันตรงตัว เพราะฉะนั้นค่ายิ่งน้อยยิ่งดีคับ -Data Rate =ก็คือ speed นั้นแหละครับ- วิธีเช็คว่าเราได้ speed เท่าไรให้วัดจากการ download file ครับหรือการ load bit จาก Co-Lo คับจะใกล้เคียงความจริงที่สุด-ให้ดู tranfer ว่ากี่ k/s คับ ผมจัดอันดับความน่าจะใช้งานของ ISP ใหญ่ๆให้ครับ-True ปัญหาน้อย ถ้ามีแก้ไขได้ภายใน 24.ชม speed คงที่ไม่ค่อยมีปัญหา call center ดีพอจะแก้ไขเบื้องต้อนให้เราได้บ้าง (เคยใช้คับตอนอยู่ กทม.)-TT&T >> Maxnet >>3BB มันก็บริษัทเดียวกันนี่แหละ -*- ปัญหามีบ้าง เวลาในการแก้ไข 1-2 วันหลังแจ้ง speed อยู่ในะระดับที่ใช้ได้ call center พอใช้ (ปัจจุบันใช้งานอยู่คับ)-TOT ปัญหาถ้ามีเมื่อไรจะไม่มีทางแก้ให้หายขาดได้เลยต้องทนใช้งานหรือไม่ก็ยกเลิกครับ อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าต้องดวงดีจิงๆ เพราะถ้าไม่มีปัญหามันก็จะใช้งานได้ดีมากๆ (ของรัฐ)call center ตอบเป็นนกแก้วนกขุนทองหลอกถามไรก็ตอบมั่วไปหมด -*-***ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการจัดอันดับคับแค่เคยทำงานด้านนี้มาจากประสบการณ์จึงให้ข้อมูลไว้ให้เพื่อนๆตัดสินใจคับ******ข้อมูลที่ให้อาจมีข้อผิดพลาดประการใดถ้าท่านที่มีความรู้มากกว่าก็แสดงความคิดเห็นต่อได้ครับ ไม่ว่ากันเพราะผมก็ไมได้เก่งที่สุดคับ***
โดย Dzeml3er » เสาร์ เม.ย. 24, 2010 09:55
โดย boommy chan » อาทิตย์ เม.ย. 25, 2010 23:36
โดย TkuShi » พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 20:25
โดย tiantawaiza » พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 22:06
ย้อนกลับไปยัง สัพเพเหระ
กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน