เกมกลางดึกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นอีก 1 เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์การคัมแบ็คกลับมาชนะอีกครั้งในฤดูกาลนี้ แม้จะโดน เร้ดดิ้ง ยิงนำไปก่อน แต่พลพรรค “ปิศาจแดง” ก็ไม่เสียสมาธิและกลับมาคว้า 3 แต้มไปกอดอุ่นๆ และยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงศึก พรีเมียร์ลีก ไว้ได้ต่อไป
วันนี้เราจะมาดูว่า 6 สิ่งที่เว็บไซต์ bleacherreport.com เห็นในเกมที่มีถึง 7 ประตูใน 35 นาทีมีอะไรกันบ้าง
1. แผงหลังยังเป็นปัญหาเดิมๆ
หลังจากชื่นใจกับคลีนชีทที่ แมนฯ ยู เพิ่งทำได้เมื่อวันพุธที่เจอกับ เวสต์แฮม จึงทำให้เราแอบมีความหวังว่าจากนี้ไปกองหลังของ “ปิศาจแดง” จะแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ แต่เกมที่ มาเด็จสกี้ สเตเดี้ยม ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
กองหลังตัวจริงทั้ง 4 คนสมควรถูกวิจารณ์ อย่าง ปาทริซ เอวร่า ซึ่งไม่สามารถหยุด ร็อบสัน คานู ปีกที่เพิ่งเล่น พรีเมียร์ลีก เป็นปีแรกได้ เช่นเดียวกับ จอนนี่ อีแวนส์ ที่ไม่สามารถสู้กับเด็กเก่า แมนฯ ยู อย่าง อดัม เล ฟอนเดร ได้ในการเล่นลูกกลางอากาศ
แม้เกมนี้พลพรรค “ปิศาจแดง” จะสามารถยิงแซงเอาชนะไปได้ แต่หากกองหลังยังเป็นเช่นนี้อยู่ ในเกมหน้าที่ต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาอาจไม่สามารถแซงชนะได้เหมือนในเกมที่ผ่านๆ มา
2. อันแดร์สัน เป็นนักเตะที่ แมนฯ ยู ขาดไม่ได้
อันแดร์สัน ได้รับโอกาสเป็นตัวจริง 2 เกมติดต่อกันหลังจากได้รับบาดเจ็บมา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลย พลังอันเหลือเฟือของเขาสร้างความอันตรายให้กับ เร้ดดิ้ง ตลอด 90 นาที แต่น่าเสียดายที่ในเกมนี้เขามาได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง ซึ่งแฟนบอลก็ได้แต่หวังว่าเขาจะบาดเจ็บไม่นานและจะสามารถลงเล่นได้ในเกมสุดสัปดาห์หน้า
3. เอา "เด เกอา" กลับมา
ในช่วงที่ผ่านมา ดาบิด เด เกอา และ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด เป็นคู่แข่งในการแย่งตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่สมน้ำสมเนื้อ แต่ในเกมล่าสุดเป็นมือกาวเลือดเดนส์ที่แสดงอาการเหวอจนทำให้ทีมเสียประตูหลายครั้ง และยังออกมาตัดบอลกลางอากาศไม่ค่อยดีด้วย
หากกล้องแพนไปที่ข้างสนาม เราอาจเห็น เด เกอา มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอยู่ก็เป็นได้
4. รูนี่ย์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นเพชรฆาต
การมาของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ถูกจับไปเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรุก ทำให้มีคนออกมาค่อนขอดว่าเขาไม่สามารถเล่นเป็นกองหน้าที่เฉียบคมได้เหมือนก่อน
แต่ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนพวกนั้นคิดผิด เพราะนอกจากจะยิงคนเดียว 2 ประตูแล้ว รูนี่ย์ แทบจะเป็นคนกำหนดจังหวะเกมบุกของทัพ “ปิศาจแดง” เลยก็ว่าได้
5. ตำแหน่งปีกของ แมนฯ ยู
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังต้องปวดหัวกับผู้เล่นในตำแหน่งนี้เหมือนเดิมเมื่อนักเตะที่ถูกส่งลงสนามอย่าง แอชลี่ย์ ยัง ไม่สามารถทำให้ทำให้กองหลังของคู่แข่งประหวั่นพรั่นพรึงได้เลย แม้ ยัง จะมีส่วนร่วมกับเกมในช่วงแรกและเป็นคนจ่ายบอลให้ อันแดร์สัน พังประตูตีเสมอ แต่หลังจากนั้นเขาก็เหมือนจะค่อยๆ เฟดออกไปจากเกมช้าๆ
เป็นไปได้ว่าหากท่านเซอร์ได้เห็น ยัง เล่นในเกมนี้แล้ว เราอาจได้เห็นปีกเวิลด์คลาสซักคนตบเท้าเข้ามาในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เดือนมกราคมนี้ก็ได้นะ...
6. คัมแบ็คอีกครั้ง!
การคัมแบ็คครั้งแล้วครั้งเล่าแสดงให้เห็นถึงแรงใจที่ไม่มีวันหมดและสมาธิของเหล่าพลพรรค “ปิศาจแดง” ที่อยู่ในเกมตลอดเวลา บางทีนี่อาจเป็นคุณสมบัติหลักๆ ของทีมที่จะคว้าแชมป์ก็เป็นได้
ถึงอย่างนั้นในวันอาทิตย์นี้ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไม่ควรปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ขึ้นนำไปก่อน เพราะเกมรับอันแข็งแกร่งของ ซิตี้ อาจทำให้ แมนฯ ยู พบกับความลำบากได้
Credit : http://www.gmmsport.com/hot_issue_detai ... ws_id=2531








