
-สวัสดีครับ...สมาชิกบอร์ดทุกท่าน คงต้องบอกว่าวันนี้เรื่องราวที่จะนำมาสุยกันนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องราวความเคลื่อนไหวในตลาดการซื้อขายนักเตะ..ในตลาดยุโรป หรือความเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลดังๆแต่กลับเป็นเรื่องของวงการลูกหนังของทีม"ช้างศึก"หรือทีมชาติไมยของเรานั้นเอง เรื่องราวที่หยิบมาพูดคุยนั้นก็คือเรื่องราวที่ยังคงเป็นกระแส กันมาอย่างต่อเนื่อง นั้นก็คือกระแสของการเลือกตั้งนายกคนใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เดิมทีที่นายกสมาคมฯคนเก่าอย่าง"บังยี"คุณวรวีย์ มะกุดี ได้หมดวาระการดูแล ลงไปแล้ว ทางบอร์ดขอสมาคมฯจึงได้ทำการคัดเลือกนายกคนใหม่มาแทนที่เดิม และที่แน่นอนว่า"บังยี" จะต้องลงป้องกันตำแหน่งแชมป์อีกครั้งแน่นอนเพราะประกาศเสียงดังฟังชัดว่าอยากพัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปถึงปี 2018 ว่ากันว่าการเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้นนี้จนเป็นหนที่ "บังยี" ต้องทำงานหนักมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะฝ่ายที่ไม่ปลื้มได้เตรียม "ผู้ท้าชิง" ที่จะขึ้นทาบรัศมีและชิงเก้าอี้ประมุขฟุตบอลไทยมาให้ได้ ผู้ท้าชิงคนแรกที่เปิดตัวไปแล้วคือ พินิจ งามพริ้ง ประธานชมรมเชียร์ไทยพาวเวอร์ที่งัดยุทธศาสตร์ "แผนฟื้นฟูฟุตบอลแห่งชาติ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2556-265” ออกมาเป็นใบเบิกทางสู่การเปลี่ยนสมาคมฟุตบอลไทยต้องยอมรับว่านโยบายของประธานเชียร์ไทยถือว่าสวยงามยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยที่จะชนะเลือกตั้ง เพราะแฟนบอลไม่ได้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง แต่คนที่มีสิทธิ์คือสโมสรสมาชิก ซึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ พินิจ งามพริ้ง ต้องเป็นรองแน่นอนแต่การที่ พินิจ งามพริ้ง ออกมาแถลงถึงนโยบายต่างๆ ย่อมเป็นการบีบให้ผู้สมัครเลือกตั้งทุกคนได้ตระหนักว่าจะแค่มาลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่ต้องมี "กึ๋น" หรือวิสัยทัศน์ที่ทำให้คนในวงการฟุตบอลได้พิจารณาว่าเหมาะสมที่จะนำองค์กรหรือเปล่า นอกจากประธานเชียร์ไทยแล้วคาดว่าอีกไม่นานจะมีการเปิดตัวผู้ท้าชิงในระดับที่ราคาเบียดกัน โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนอย่าง 2 สโมสรใหญ่ทั้ง "ฉลามชล" ชลบุรี และ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยืนยันมาตลอดว่าวงการฟุตบอลไทยต้องเปลี่ยน !!! น่าสนใจมากๆ ว่าผู้ท้าชิงรายนี้จะเป็นใคร เพราะดูจากเทรนเนอร์แล้วถือว่าไม่ธรรมดา ฝั่งชลบุรีได้ใจในเรื่องของความจริงใจการทำฟุตบอลจนครองใจสโมสรสมาชิกหลายแห่ง ขณะที่บุรีรัมย์มีผู้บริหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเลือกตั้ง ดังนั้น "วิชามาร" หรือวิชาใดๆ เช่น การล้มเลือกตั้งอย่างครั้งที่แล้วคงไม่น่าเกิดซ้ำรอยอีก ไฮไลทสำคัญของฟุตบอลไทยในปี 2556 จึงอยู่ที่การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นี่คือจุดสำคัญที่จะส่งผลต่อวงการฟุตบอลไทยในอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนหรือจะคงเดิมต่อไป ถึงตรงนี้คงวัดใจสโมสรสมาชิกว่าจะเลือกใคร
เครดิต:epopclub.com