ผู้ชมในสนาม 44,192 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 18.45 น. วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551
ผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เวบบ์
เปิดฉากศึกแดงเดือดสุดแสนอลังการแบบไม่แฮปปี้เอนดิ้งสำหรับทีมปีศาจแดง เมื่อบาเบล ตอกตะปูปิดฝาโลง "ล้างอาถรรพ์แอนฟิลด์" และทำให้นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่พวกเขาเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้ในพรีเมียร์ชิพ ตั้งแต่เมษายน ปี 2004 และเป็นชัยชนะครั้งแรกของ ราฟาเอล เบนิเตซ ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมหงส์แดงตั้งแต่ปี 2004 โดยเกมนี้มีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และ เฟอร์นานโด ตอร์เรส มีชื่อในม้านั่งสำรอง
โฉมหน้าหัวหอกของผีแดง จะเป็นใคร คือข้อกังขาหนึ่งเดียวก่อนคิกออฟ ว่าจะเป็นเบอร์บาตอฟ หรือเซอร์ อเล็กซ์ จะยังติดหัวหอกคู่อย่าง เวย์น รูนี่ย์ กับ คาร์ลอส เตเบซ กันแน่ แต่พอเริ่มเกม ผู้จัดการทีมปีศาษแดงก็ตราทัพ ด้วยสามหัวหอก
เกมผ่านไปเพียงแค่ 40 วินาที ทีมเยือนก็ทักทายก่อนเลยเมื่อ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ได้จังหวะยิงในเขตโทษกลางประตูบอลไปโดนแขนของ มาร์ติน สเคอร์เทล
หลังจากเปิดเกมสุดหวาดเสียว เบอร์บาตอฟ ในชุดแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นกุญแจสำคัญส่งให้ทีมขึ้นนำไปก่อนด้วยการโชว์ความเร็วกระชากบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจ่ายย้อนไปยังบริเวณจุดนัดพบให้ คาร์ลอส เตเบซ วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อเข้าไปตุงตาข่ายอย่างเหนือชั้น หลังคิกออฟเพียงแค่ 4 นาที ท่ามกลางเสียงเฮของชาวผีแดง แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1 - 0
หงส์ไม่ยอมน้อยหน้า สามนาทีถัดมา เมื่อ เดิร์ก เคาท์ ได้วอลเลย์นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงแต่เฉียดเสาสองออกไปแบบเฉียดฉิว หลังจากนั้นนาทีที่ 12 จากลูกเตะมุมด้านขวาฟาบิโอ ออเรลิโอ โยนบอลมาหน้าประตู เดิร์ก เคาท์ ได้ยิงระยะเผาขนที่เสาสองแต่ไปตรงตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารทีมเยือนเซฟไว้ได้
แต่แล้วประติมากรรมชั้นเอกของเซอร์ อเล็กซ์ สร้างหายนะแก่ทีมตัวเองในนาทีที่ 26 สาวกหงส์แดงในแอนฟิลด์ได้เฮกันลั่นเมื่อทีมรักตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1 - 1 เมื่อ ซาบี อลอนโซ่ ลองยิงไกลจากนอกเขตโทษบอลไปแฉลบ ปาทริซ เอฟร่า ไปเข้าทาง ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่นายทวารผีแดงปัดบอลไม่ดี บอลไปชนแข้ง เวส บราวน์ กองหลังกระเด้งเข้าประตูตัวเอง
ทางสาวกผีแดง หวิดขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อแอนเดอร์สัน ปาดบอลจากซ้ายไปหน้าประตูให้ เตเบซ โฉบเข้ามาที่เสาแรกก่อนดีดด้วยขวา ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก
ครึ่งหลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเปลี่ยนเอา ไมเคิล คาร์ริค ที่ได้รับบาดเจ็บออกจากสนามแล้วส่ง ไรอัน กิ๊กส์ ลงมาเล่นแทน เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 66 เฟอร์กูสัน แก้เกมด้วยการเติม โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ลงมาเล่นแทน พอล สโคลส์ ที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงลงไป ทางด้านหงส์แดง ราฟาเอล เบนิเตซ ตัดสินใจเปลี่ยนเอาสตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงมาทำเกมแทนเบนายูน เพื่อหวังบดขยี้แนวรับปีศาจแดง แต่แมนฯ ยูไนเต็ดก็ได้โต้ตอบเหมือนกัน จากความผิดพลาดของ เจอร์ราร์ด ที่เสียบอลหน้าเขตโทษ กิ๊กส์ เก็บบอลได้ก่อนยิงฮาล์ฟวอลเลย์บอลทำท่าจะหมุดเบียดใต้คานอยู่แล้วแต่ เรน่า สปริงตัวปัดพ้นคานออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ผลงานกองทัพผีเหมือนจะไม่เป็นที่น่าพอใจซักเท่าไหร่ ภายใต้แรงกดดันของลิเวอร์พูล และแล้วตำนานผีขยี้หงส์ หกเกมส์ในแอนฟิลด์ก็ต้องจบลง เมื่อกิ๊กส์พยายามบังบอลให้ออกหลัง แต่มาสเคราโน่ก็แย่งสกิดบอลไปได้ แล้วส่งต่อให้เคาท์ ก่อนจะไหลต่อให้บาเบล วิ่งเข้ามายิงเน้นๆ หงส์แดงขึ้นนำ 2 - 1
แต่แล้วเหล่าพลพรรครักผีก็ต้องเจอข่าวร้ายอีกเมื่อเนมานย่า วิดิช ต้องรับใบเหลืองที่ 2 เมื่อไปสอย อลอนโซ่ในจังหวะหลุดเดี่ยว ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน
จบเกม 90 นาทีปิดฉากลิเวอร์พูลไม่เคยชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2004 ได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 2 - 1
สัมภาษณ์ราฟาเอล เบนิเตซ
"มันเป็นชัยชนะที่เราควรได้รับ ลูกแรกถือเป็นความโชคดี แต่เราก็ทำผลงานได้ดีในการพบกับทีมที่แข็งแกร่ง แต่เราก็ยังคงพูดคุยกันในช่วงพักครึ่งเกี่ยวกับการแสดงความมั่นใจออกมาเพื่อคว้าชัยชนะ แล้วหลังจากพักครึ่งเราก็ทำได้ดีมากขึ้นอีก มันเป็นสิ่งที่เราควรได้รับจริงๆ"
สัมภาษณ์ ไมค์ ฟีแลน
"เราทำได้ดีในช่วง 7 - 8 นาทีแรกเท่านั้น จากนั้นเราก็เป๋ เราสูญเสียความเยือกเย็น วิธีการเล่นและแท็คติคของพวกเขา ทำเราตกอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน เรายอมรับเลยว่าเราแพ้จริงๆ เราคุมเกมกันไม่อยู่ แล้วก็ปั่นป่วนอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับไปดูมาตรฐานการเล่นกันใหม่อีก" บรรยายเกมโดย โอปอล
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า 25
มาร์ติน สเคอร์เทล 37
ฟาบิโอ ออเรลิโอ 12
อัลบาโร่ อาร์เบลัว 17
เจมี่ คาร์ราเกอร์ 23
ซาบี้ อลอนโซ่ 14
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 20
ยอสซี่ เบนายูน 15
อัลเบอร์โต้ ริเอร่า 11
เดิร์ก เคาท์ 18
ร็อบบี้ คีน 7
สำรอง
ดิเอโก้ 1
ซามี่ ฮูเปีย 4


เดวิด เอ็นก็อก 24
อันเดรีย ดอสเซน่า 2
ไรอัน บาเบล 19 (



เฟอร์นานโด ตอร์เรส 9
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
เวส บราวน์ 6 (

ปาทริซ เอฟร่า 3
เนมานย่า วิดิช 15 (


ไมเคิล คาร์ริค 16
พอล สโคลส์ 18
แอนเดอร์สัน 8
ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9
เวย์น รูนี่ย์ 10
คาร์ลอส เตเบซ 32 (


สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
จอห์น โอเชีย 22
ไรอัน กิ๊กส์ 11


ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 4


นานี่ 17 (



จอนนี่ อีแวนส์ 23
สถิติของเกม
ลิเวอร์พูล ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 7, ยิงหลุดกรอบ 8, โดนบล็อค 7, เตะมุม 5, ฟาวล์ 10, ล้ำหน้า 1, การครองบอล 53.9%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 2, ยิงหลุดกรอบ 3, โดนบล็อค 3, เตะมุม 4, ฟาวล์ 18, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 3, ใบแดง 1, การครองบอล 46.1%
คะแนนความสามารถ
ลิเวอร์พูล โฆเซ่ เรน่า 7, มาร์ติน สเคอร์เทล 8, ฟาบิโอ ออเรลิโอ 7, อัลบาโร่ อาร์เบลัว 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7, ซาบี้ อลอนโซ่ 7, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 6, ยอสซี่ เบนายูน 8, อัลเบอร์โต้ ริเอร่า 8, เดิร์ก เคาท์ 7, ร็อบบี้ คีน 6
สำรอง ซามี่ ฮูเปีย 6, ไรอัน บาเบล 8, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 4, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เวส บราวน์ 6, ปาทริซ เอฟร่า 7, เนมานย่า วิดิช 5, ไมเคิล คาร์ริค 6, พอล สโคลส์ 5, แอนเดอร์สัน 6, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 6, เวย์น รูนี่ย์ 6, คาร์ลอส เตเบซ 7
สำรอง ไรอัน กิ๊กส์ 5, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 6, นานี่ 6