สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 60,112 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 22.00 น. วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2556
ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์
รีพอร์ต
เกมนัดแรกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเตะในฐานะแชมป์พรีเมียร์ ลีก อาจจบลงด้วยผลเสมอ 1 - 1 กับอาร์เซนอล ทำให้พลาดทำคะแนนเพื่อสร้างสถิติใหม่ไปอีก แต่ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นการลงสนามโดยได้รับการยืนปรบมือไปอีก 4 นัดได้อย่างสนุกตื่นเต้น
นักเตะของอาร์เซนอลเริ่มต้นเกมได้อย่างน่ากลัว จนทำให้เรานึกไปถึงคุณภาพของเกมที่พวกเขาทำเอาไว้ในสมัยก่อน ธีโอ วัลคอตต์ ยิงได้ตั้งแต่เกมผ่านมาเพียง 2 นาที หลังจากนั้นทีมปืนใหญ่ก็ครองเกมได้ตลอดครึ่งชั่วโมงแรก แต่แล้วแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลับสู่เกมได้จาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะเป็นใครได้อีกล่ะ? เขายิงลูกจุดโทษเข้าไปในการกลับมาเยือนถิ่นเก่าเป็นครั้งแรก หลังออกจากทีมมาเพื่อค้นหาถ้วยแชมป์ และเขาก็ได้สิ่งนั้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ 8 เดือนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้ยืนเรียงแถวปรบมือเป็นเกียรติให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะมีเสียงโห่เล็กน้อยตอนที่ฟาน เพอร์ซี่ เดินออกมาจากอุโมงค์เป็นคนสุดท้ายก็ตาม อันที่จริงมันก็ไม่มีความเกลียดชังในตัวเขามากนัก แต่แฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้จังหวะที่เหมาะต่อการหัวเราะเยาะเขา เมื่อฟาน เพอร์ซี่ จ่ายบอลพลาดในนาทีที่ 2 ของเกม อาร์เซนอลแย่งบอลได้ และ โทมัส โรซิคกี้ย์ ก็จ่ายทะลุไปให้ ธีโอ วัลคอตต์ หลุดเข้าไปหน้าปากประตู ปีกรายนี้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่กรรมการก็ไม่ยกธง และเขาก็หลุดไปยิงผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เป็นประตูขึ้นนำให้กับทีมปืนใหญ่
มันไม่ได้น่าวิตกนักสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้พวกเขากลับมาเก็บได้คะแนนถึง 28 แต้มจากการตามหลังไปก่อน และนี่ก็เป็นครั้งที่ 15 แล้วที่ทีมปีศาจแดงเป็นฝ่ายโดนยิงนำในเกมลีก บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขากำลังต่อสู้แย่งพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่ก็ได้แรงจูงใจจากการที่ฟาน เพอร์ซี่ กลับมาในฐานะแชมป์ลีก อาร์เซนอลจึงเล่นด้วยความดุดัน และไปกับบอลด้วยความคล่องแคล่ว หลังจากที่เจ้าบ้านเข้าปะทะหนักอยู่บ่อยครั้ง มันก็นับว่าน่าแปลกใจที่นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายถูกจดชื่อไปก่อน
นาทีที่ 18 ฟิล โจนส์ คือนักเตะคนแรกที่ได้รับใบเหลืองไปหลังจากเข้าปะทะหนักใส่ มิเกล อาร์เตต้า หลังจากนั้นนักเตะหมายเลข 4 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็วิ่งเติมขึ้นหน้าจากตำแหน่งมิดฟิลด์ เขาทำเกมร่วมกับ เวย์น รูนี่ย์ จากนั้นก็เป็นฟาน เพอร์ซี่ ที่ครอสบอลเข้ากลางอย่างเหมาะเจาะ แต่ลูกโขกของโจนส์จากระยะ 8 หลาก็หลุดกรอบออกไปนิดเดียว ประตูแรกในฤดูกาล 2012-2013 ของเขายังคงต้องรอต่อไป
อาร์เซนอลยังคงเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าในช่วงต้นของครึ่งแรก พวกเขาคุมเกมในแดนกลางได้ และก็หาช่องเจาะแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อยู่ตลอด มีจังหวะหนึ่งที่ ลูคัส โพดอลสกี้ บังคับให้ เด เคอา ต้องเซฟ ด้วยลูกยิงอันทรงพลังจากมุมแคบของเขาในนาทีที่ 32 แต่ท้ายที่สุดแล้วแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายที่ดีกว่าในช่วงท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 39 หลุยส์ นานี่ ได้บอลหลุดมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสไปให้กับฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งขึ้นโขกจากระยะเผาขนไปชนหน้าของ วอจเซียซ เซคเซสนี่ย์ อย่างจัง 2 นาทีต่อมาโจนส์ก็ได้โอกาสโหม่งหลุดกรอบอีกครั้ง คราวนี้มาจากการจ่ายของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย
แล้วประตูตีเสมอก็มาจนได้ในนาทีที่ 43 ฟาน เพอร์ซี่ ฉกฉวยจังหวะจากความผิดพลาดของ บาคารี่ย์ ซานญ่า พาบอลเข้าสู่กรอบเขตโทษ ซานญ่าพยายามที่จะกลับมาแก้ตัว เขาพุ่งเข้าเสียบทันที แม้ว่าจะโดนบอล แต่มันก็โดนขาอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาเต็มๆ จนล้มลงด้วย ดาวยิงดัตช์แมนต้องเผชิญกับความกดดันในตอนที่นำบอลมาวางก่อนยิง แต่เขาก็ดูนิ่งมากๆ ก่อนที่จะซัดเสียบมุมเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ นับเป็นการปิดฉากครึ่งแรกที่สนุกตื่นเต้น
ทั้ง 2 ทีมยังคงเปิดเกมบุกเข้าใส่กันในครึ่งหลัง แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะสร้างจังหวะอันตรายได้มากกว่า ราฟาเอล ดา ซิลวา ได้ยิงข้ามคานแบบได้ลุ้นในนาทีที่ 54 และอีก 2 นาทีต่อมา ปาทริซ เอฟร่า ก็ครอสบอลให้รูนี่ย์โขกกดลงพื้น ก่อนที่จะเด้งขึ้นมาเข้ามือเซคเซสนี่ย์ การเข้าปะทะหนักๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่เหมือนกัน และก็นับว่าโชคดีที่ซานญ่ายังได้เล่นต่อในสนาม หลังจากไปเข้าบอลหนักใส่เอฟร่า
ไม่น่าแปลกใจที่มีการเปลี่ยนตัวของทั้ง 2 ทีม หลังจากที่ผ่านเกมอันหนักหน่วงมาจนถึงนาทีที่ 20 อาร์เซนอลพยายามที่จะเปลี่ยนเกมรุกโดยส่ง แจ็ค วิลเชียร์, แชร์วินโญ่ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ลงมา ขณะที่ทางทีมปีศาจแดงก็ส่ง แอนเดอร์สัน ลงมาแทนราฟาเอล โดยโยกโจนส์ไปเล่นเป็นแบ็คขวาแทน
เกมดูเนือยลงไปเล็กน้อยในช่วงท้ายเกม แต่ทั้ง 2 ทีมก็ยังหาโอกาสปล่อยหมัดน็อคราวกับนักมวยที่กำลังต่อยกันในยกสุดท้าย เด เคอา ได้จังหวะโชว์ลูกเซฟจากการยิงของ ซานติ กาซอร์ล่า ขณะที่นักเตะที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ก็ได้จังหวะยิงออกข้างไปนิดเดียวด้วย สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็แบ่งคะแนนกันไป แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะมากกว่าในช่วงท้าย แต่ด้วยการที่ทีมคว้าแชมป์ไปได้เรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายกันมากนัก
สถิติ/คะแนน
|
|
ผู้ทำประตู | |
อาร์เซนอล | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
ธีโอ วัลคอตต์ น.2 | โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จุดโทษ น.44 |
สถิติ | |
อาร์เซนอล | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
19(6) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 12(4) |
11 | ฟาวล์ | 12 |
7 | เตะมุม | 2 |
1 | ล้ำหน้า | 1 |
3 | ใบเหลือง | 5 |
0 | ใบแดง | 0 |
52% | การครองบอล | 48% |