ผู้ชมในสนาม 75,313 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 22.00 น. วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2558
ผู้ตัดสิน มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก
รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะครั้งที่ 70 ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ได้สำเร็จ หลังเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 4-2 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นทำให้ทีมปีศาจแดงทิ้งห่างทีมสีฟ้าไปเป็น 4 คะแนนแล้ว
ถือเป็นอีกครั้งที่ลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะต้องตามหลังไปก่อนในนาทีที่ 8 จากประตูของ เซร์คิโอ อเกโร่ ก็ตาม แอชลี่ย์ ยัง มาตีเสมอได้ในนาทีที่ 14 ก่อนที่ มารูยาน เฟลไลนี่ จะโขกให้เจ้าถิ่นพลิกนำ ฮวน มาต้า มาบวกเพิ่มเป็นลูกที่ 3 ได้หลังเกมผ่านมาครบชั่วโมง ก่อนที่ คริส สมอลลิ่ง จะมายิงได้อีกเป็นประตูที่ 4 หลังจากนั้นไม่นาน อเกโร่มายิงตีตื้นได้ในช่วงท้ายเกม แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าถิ่นผ่อนเกมลงเนื่องจากเหลือตัวผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค เจ็บจนต้องเดินออกจากสนาม
ฟาน กัลเปลี่ยนตัวผู้เล่นแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมชนะแอสตัน วิลล่า 3-1 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เป็นสมอลลิ่งที่เคยถูกไล่ออกในเกมแรกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ลงสนามแทน มาร์กอส โรโฮ ที่มีชื่อนั่งสำรอง โดยเซ็นเตอร์อีกคนในเกมนี้ก็คือ ฟิล โจนส์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้มาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยผลงานที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้พวกเขาแพ้รวดทั้ง 3 เกมที่เล่นนอกบ้าน ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังมองหาชัยชนะนัดที่ 6 ติดต่อกันในพรีเมียร์ ลีก อยู่ ทีมปีศาจแดงเริ่มต้นเกมได้ดีกว่าในช่วงไม่กี่นาทีแรกหลังคิกออฟ แต่จากนั้นก็เป็นทีมเยือนที่เล่นดีขึ้นจนกระทั่งมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 8
ก่อนหน้านั้น ดาบิด เด เคอา ต้องใช้ขาเซฟจังหวะยิงของ เฆซุส นาบาส ที่ได้หลุดจากจังหวะโยนยาวของ มาร์ติน เดมิเชลิส ทีมปีศาจแดงรอดพ้นการเสียประตูจากจังหวะเตะมุมอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็มาโดนยิงจนได้ กาเอล คลิชี่ย์ จ่ายบอลให้ เจมส์ มิลเนอร์ ทางฝั่งซ้าย เขาส่งต่อให้ ดาบิด ซิลบา หลุดไปจ่ายให้อเกโร่แปเข้าสู่ตาข่ายโล่งๆ
ทีมปีศาจแดงตอบโต้อย่างทันควัน ซึ่งก็นำมาสู่ประตูตีเสมอในอีก 6 นาทีถัดมา แต่ทีมของฟาน กัลก็มีจังหวะให้หวาดเสียวบ้างเช่นกันจากลูกจ่ายคืนหลังที่เกือบสั้นเกินไปของโจนส์ ยังดีที่เด เคอาเข้าถึงบอลก่อนที่อเกโร่จะฉกบอลได้ จากนั้นเฟลไลนี่วางบอลให้ อันเดร์ เอร์เรร่า ทางกราบซ้าย เขาครอสไปเข้าทางยังยิงเข้าประตูไป หลังจากที่ความพยายามครั้งแรกของเขาไปติดบล็อคคลิชี่ย์
ยังมาเป็นคนจ่ายบอลบ้างในนาทีที่ 27 ซึ่งทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายขึ้นนำหลังจากครองบอลได้มากขึ้น ไฮไลท์ของประตูนี้เป็นการทำชิ่งหนึ่ง-สองระหว่าง ดาลี่ย์ บลินด์ กับยังบริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนที่ยังจะครอสบอลแบบสุดสวยไปที่เสาสองให้เฟลไลนี่โขกเข้าไป ทำเอาคนดูทั้งสนามถึงกับเฮลั่น
ลูกทีมของฟาน กัลยิ่งเล่นยิ่งดี แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยังอันตรายในแดนหน้า ยาย่า ตูเร่ เกือบจ่ายให้อเกโร่ได้ทะลุขึ้นไปในนาทีที่ 34 แต่เด เคอาก็ยังมีปฏิกิริยาที่ไวเพียงพอ ขณะที่อีกฝั่งของสนาม แว็งซ็องต์ กอมปานีย์ รอดพ้นใบแดงจากการหงายปุ่มสตั๊ดเสียบใส่บลินด์ ซึ่งผู้ตัดสินเพียงแค่ชูใบเหลืองให้กับเขาเท่านั้น
กอมปานีย์ไม่ได้ลงเล่นต่อในครึ่งหลัง เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวให้ เอเลียควิม มองกาล่า ลงมาเล่นแทน และแนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ต้องขอบคุณ โจ ฮาร์ท ในนาทีที่ 53 ที่ช่วยไม่ให้ทีมเสียประตูเพิ่ม นายทวารแมนเชสเตอร์ ซิตี้พุ่งปัดลูกฟรีคิกของ เวย์น รูนี่ย์ ได้ จากนั้นในจังหวะต่อเนื่องเขาก็ต้องใช้มือบล็อคลูกยิงจากคาร์ริคอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ฮาร์ทไม่สามารถหยุดยั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจากการทำประตูที่ 3 ในนาทีที่ 67 มาต้าวิ่งควบไปรับลูกจ่ายทะลุช่องจากรูนี่ย์ ก่อนที่เขาจะแปลอดหว่างขาฮาร์ทเข้าไปอย่างเยือกเย็นต่อหน้าแฟนๆ ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์
7 นาทีต่อมาทุกอย่างก็เข้าทางเจ้าบ้านเข้าไปอีกเมื่อยังโยนฟรีคิกจากทางริมเส้นฝั่งซ้ายให้สมอลลิ่งโขกเข้าประตูไป ทำเอาแฟนบอลหลายคนเริ่มคิดถึงการถอนแค้นจากที่เคยแพ้ต่อเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ 1-6 เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คาร์ริคที่เล่นได้อย่างโดดเด่นต้องออกจากสนามไปด้วยอาการบาดเจ็บ อเกโร่ก็มายิงประตูตีตื้นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ แม้ว่าจังหวะนี้เด เคอาจะพยายามพุ่งปัดได้แล้วก็ตาม แต่จบเกมก็เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เก็บชัยชนะได้พร้อมกับขยับเข้าใกล้อันดับที่ 2 บนตารางคะแนนอย่างอาร์เซนอลเป็น 1 คะแนนเช่นเดิม และจากผลงานในศึกดาร์บี้ครั้งนี้ก็ได้ทำให้เมืองแมนเชสเตอร์กลับมาเป็นสีแดงกันอีกครั้ง
สถิติ
|
|
ผู้ทำประตู | |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
แอชลี่ย์ ยัง น.14 มารูยาน เฟลไลนี่ น.27 ฮวน มาต้า น.67 คริส สมอลลิ่ง น.73 |
เซร์คิโอ อเกโร่ น.8, 89 |
สถิติ | |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
11(7) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 10(3) |
9 | ฟาวล์ | 16 |
1 | เตะมุม | 5 |
3 | ล้ำหน้า | 3 |
0 | ใบเหลือง | 3 |
0 | ใบแดง | 0 |
59% | การครองบอล | 41% |