ผู้ชมในสนาม 41,422 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 23.30 น. วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2558
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดแพ้ครั้งแรกในพรีเมียร์ ลีก นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเชลซีเป็นฝ่ายที่เปิดบ้านคว้าชัยชนะพร้อมขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์จากประตูชัยของ เอเด็น อาซาร์ ในนาทีที่ 38
เวย์น รูนี่ย์ เกือบที่จะยิงได้ก่อนตั้งแต่ต้นเกม และทีมปีศาจแดงก็เป็นฝ่ายได้ครองบอลพร้อมสร้างโอกาสได้ตลอด แต่สุดท้ายทีมเยือนก็ไม่ได้อะไรกลับออกไป ขณะที่ทีมสิงห์บลูส์ทำแต้มขยับหนีอาร์เซนอลไปเป็น 10 คะแนนแล้วบนยอดตาราง
หลุยส์ ฟาน กัล ต้องปรับทัพ 3 ตำแหน่งในเกมนี้ โดยเป็น ราดาเมล ฟัลเกา, ลุค ชอว์ และ แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ที่ได้ลงสนามแทนนักเตะที่บาดเจ็บอย่าง ไมเคิล คาร์ริค, ฟิล โจนส์ และ ดาลี่ย์ บลินด์ โดยการยืนตำแหน่งก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย รูนี่ย์ถูกถอยลงมายืนเป็นมิดฟิลด์ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดูด้อยประสิทธิภาพลงไปเมื่อเป็นฝ่ายที่เริ่มต้นเกมได้ดีเหมือนกับเกมที่แอนฟิลด์เมื่อเดือนก่อน
รูนี่ย์เกือบที่จะทำประตูขึ้นนำได้ในนาทีที่ 5 ชอว์ลากบอลทางกราบซ้ายก่อนที่จะจ่ายตัดหลังมาให้กัปตันที่ยิงโค้งด้วยเท้าซ้ายหลุดกรอบออกไปนิดเดียว จากจังหวะนี้แฟนๆ บางคนถึงกับเฮไปแล้ว แต่บอลก็ไปกระทบตาข่ายที่ด้านข้างแทน
ฟาน กัลมองเอาไว้ก่อนเกมว่าทีมจ่าฝูงน่าจะพอใจกับผลเสมอในเกมนี้ และดูจากการเล่นก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาปล่อยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ครองบอลกันแทบตลอด
แต่จากสถิติแล้วทีมสิงโตน้ำเงินครามก็เพิ่งเสียประตูในบ้านไปแค่ 7 ลูกเท่านั้นตลอดฤดูกาล และทีมปีศาจแดงก็แทบหาจังหวะเหมาะๆ ในการซัดประตูไม่ได้เลย นั่นทำให้ อันเดร์ เอร์เรร่า กับแม็คแนร์ต้องพยายามส่องจากระยะไกลแต่ก็ไม่ได้ผล
ที่อีกฝั่งของสนาม เชส ฟาเบรกาส จ่ายบอลต่อให้ ออสก้าร์ ในกรอบเขตโทษ แต่ มารูยาน เฟลไลนี่ ก็มาบล็อคเอาไว้ได้ก่อน จากนั้น ดาบิด เด เคอา ก็มีจังหวะวิ่งออกมาสกัดลูกโยนยาวด้วยแขนที่ดูเหมือนจะเหลื่อมออกมานอกเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินก็ไม่เป่าเป็นลูกฟาวล์
แม้จะสร้างโอกาสได้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นเชลซีที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการประสานงานกันอย่างสุดสวย จอห์น เทอร์รี่ แย่งบอลจากฟัลเกาได้ตรงกลางสนาม เขาจ่ายต่อไปให้ออสก้าร์ซึ่งตอกส้นขึ้นหน้าให้อาซาร์ จากนั้นดาวเตะชาวเบลเยียมก็ลากบอลเข้ากรอบเขตโทษไปยิงลอดขาเด เคอา เข้าประตูไป
สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก่อนจบครึ่งแรก แอชลี่ย์ ยัง จ่ายบอลให้ฟัลเกาในกรอบเขตโทษ แต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ก็เข้าถึงบอลได้ก่อนกองหน้าชาวโคลอมเบีย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาถอนหายใจโล่งอกกันเป็นแถบในครึ่งหลังเมื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ยิงไปแฉลบ คริส สมอลลิ่ง บอลลอยโด่งข้ามหัวเด เคอาไปที่เสาไกล แต่อาซาร์ที่เข้าถึงบอลตรงพื้นที่แคบก็มายิงไปชนคาน
ทีมเยือนเปิดเกมเข้ากดดันอย่างหนัก และก็เกือบจะตีเสมอได้ในขณะที่เกมผ่านครบชั่วโมง แม็คแนร์ยิงไกลให้คูร์ตัวส์ต้องพุ่งเซฟ จากนั้นชอว์ก็ทะลุทะลวงเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะจ่ายให้ ฮวน มาต้า ยิงไปแฉลบข้ามคาน ก่อนที่ฟาน กัลจะเปลี่ยนตัวเอา แอดนาน ยานูซาย กับ อังเคล ดิ มาเรีย ลงมาเล่นแทนมาต้ากับยัง
เชลซีประสานงานกันได้ดีมากในแนวรับ แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่ย่อท้อที่จะทำประตูตีเสมอ แกรี่ เคฮิลล์ ต้องบล็อคลูกยิงในกรอบเขตโทษของฟัลเกา จากนั้นศูนย์หน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรายนี้ก็โชคร้ายที่ยิงผ่านมือคูร์ตัวส์ไปได้แล้วแต่ไปชนเสาจากการจ่ายทะลุช่องขึ้นมาให้ของชอว์
ขณะที่เวลากำลังจะหมดลง รูนี่ย์ก็มาโขกลูกเตะมุมของดิ มาเรียข้ามคาน ช่วงท้ายเกม โชเซ่ มูรินโญ่ เล่นกับเวลาด้วยการส่ง 2 ตัวสำรองผลัดกันลงสนาม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มาพลาดได้จุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เอร์เรร่าพยายามร้องเอาฟาวล์จากเคฮิลล์ แต่กลายเป็นว่า ไมค์ ดีน แจกใบเหลืองให้กับมิดฟิลด์ชาวสเปนข้อหาพุ่งล้มแทน หลังจากนั้นไม่นานนักเกมก็จบลง
สถิติ
|
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ผู้ทำประตู | |
| ลิเวอร์พูล | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
| เอเด็น อาซาร์ น.38 |
| สถิติ | |
| ลิเวอร์พูล | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
| 7(2) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 15(2) |
| 13 | ฟาวล์ | 11 |
| 3 | เตะมุม | 7 |
| 2 | ล้ำหน้า | 3 |
| 3 | ใบเหลือง | 1 |
| 0 | ใบแดง | 0 |
| 30% | การครองบอล | 70% |
