
เซร์คิโอ โรเมโร่ เป็นนักเตะที่ผ่านมาทั้งช่วงขาขึ้น และขาลงตลอดอาชีพค้าแข้ง แต่หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเขาก็คือการเขี่ยทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ตกรอบในการเตะฟุตบอลโลก 2014 รอบรองชนะเลิศ
ย้อนไปในอดีต ฟาน กัลได้คว้าตัวนักเตะวัย 20 ปีที่ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองในยุโรปมาจากราซิ่ง คลับในอาร์เจนตินา และเขาก็ได้กลายมาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของอาแซด อัลค์มาร์ เขาเป็นส่วนสำคัญในทีมชุดที่คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่อย่างสุดเซอร์ไพรส์ในปี 2009 จากนั้นเขาก็สร้างชื่อด้วยการไม่เสียประตูยาวนาน 950 นาทีในฤดูกาลถัดมา ซึ่งเป็นรองสถิติตลอดกาลของฟุตบอลดัตช์เพียงแค่ 107 นาทีเท่านั้น
ในปี 2009 เขาเคยเผชิญหน้ากับอาร์เซน่อลในแชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนั้นอาแซดคว้าผลเสมอ 1-1 ได้จากการตีเสมอท้ายเกม แต่ผลงานของเขาก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถเล่นในเวทีใหญ่ได้สบาย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ของทีมปืนใหญ่หัวเสียตลอดเกมเมื่อผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนตินาโชว์ฟอร์มเหนียวจนคว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ไปได้ในวันนั้น
ชัดเจนว่าฟาน กัลนับถือนักเตะจากอเมริกาใต้รายนี้เป็นอย่างมาก เขาเคยแม้กระทั่งให้อภัยโรเมโร่ที่ออกอาการหงุดหงิดหลังแพ้เอ็นเอซี เบรด้าตกรอบบอลถ้วย โดยไปชกประตูจนกระดูกมือแตก อาการบาดเจ็บในครั้งนั้นส่งผลถึงการไล่ล่าแชมป์ของอาแซด แต่ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ก็ไม่ได้ถือโทษเป็นเรื่องใหญ่ "มันเป็นการระเบิดอารมณ์ของชาวอาร์เจนตินา" เขาให้เหตุผล "มันไม่ฉลาดเลยสำหรับเซร์คิโอที่ต้องมาบาดเจ็บแบบนี้"
โรเมโร่ย้ายออกจากเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ฟาน กัลย้ายไปคุมทีมบาเยิร์น มิวนิค เขาไปเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ในเซเรีย บี อิตาลีกับซามพ์โดเรีย ซึ่งสโมสรจากเมืองเจนัวนี้ก็สามารถเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้ในปีถัดมาโดยมีเขายืนเฝ้าเสา เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับโมนาโกแบบยืมตัวระยะยาว 1 ฤดูกาล
การย้ายไปเล่นในลีก เอิง ฝรั่งเศสนั้นค่อนข้างน่าผิดหวัง เมื่อเขาไม่สามารถแย่งตำแหน่งมือหนึ่งจาก ดาเนียล ซูบาซิช ได้ เขาเผยในภายหลังว่า "มันเป็นปีที่ค่อนข้างแปลก อเล็กซ์ ซาเบญ่า ให้ผมลงเล่นกับทีมชาติอาร์เจนตินา แต่ว่าผมไม่ได้โชคดีแบบนั้นในระดับสโมสร" แม้จะโชคร้ายไปบ้าง แต่ก็นับว่าโรเมโร่ค่อนข้างถูกโฉลกทีเดียวในการเล่นระดับทีมชาติ
เขาได้เหรียญทองโอลิมปิกในปี 2008 ตามด้วยการพาทีมชาติชุดยู-20 คว้าแชมป์โลกที่บ้านเกิด ก่อนที่จะได้เฝ้าเสาให้กับทีมของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ชุดทำศึกฟุตบอลโลกทั้ง 4 เกมที่แอฟริกาใต้ จากนั้น 4 ปีต่อมา ซาเบญ่าก็ยังไว้เนื้อเชื่อใจผู้รักษาประตูรายนี้ แม้ว่าจะแทบไม่ได้ลงเล่นกับโมนาโกเลยก็ตาม
เขาถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนของทีมชาติอาร์เจนตินาชุดนั้น แต่เมื่อลงสนาม เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกคนคิดผิดด้วยการโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม เขาเซฟจังหวะยิงได้อย่างสวยงามในรอบแบ่งกลุ่มที่คว้าชัยชนะเหนืออิหร่าน ทำเอาป๊อปสตาร์อย่าง ริฮันน่า ถึงกับทวีตข้อความว่า 'โรเมโร่สุดยอด!' เลยทีเดียว
การตกเป็นเป้าสนใจไม่ได้ส่งผลกระทบถึงฟอร์มของเขา เมื่อเขาสามารถเก็บคลีนชีทได้ในรอบน็อคเอาท์พบกับสวิตเซอร์แลนด์, เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ เมื่อการแข่งขันรอบรองชนะเลิศที่เซา เปาโลดำเนินมาถึงการดวลจุดโทษตัดสิน เขาก็หลอกหลอนเจ้านายเก่าอย่างฟาน กัลด้วยการทำลายความฝันแข้งดัตช์ที่จะผ่านเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ
โรเมโร่เซฟจุดโทษจาก รอน ฟลาร์ และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ก่อนที่จะได้รับการพาดหัวข่าวว่า 'หัตถ์แห่งพระเจ้า' บนหน้าหนังสือพิมพ์ในเช้าวันถัดมา เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับอดีตฮีโร่อย่าง เซร์คิโอ กอยโคเชีย ก่อนที่จะสร้างสถิติเป็นผู้รักษาประตูที่รับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินามากที่สุดตลอดกาล แทนที่ตำนานผู้คว้าแชมป์โลก 1978 อย่าง อูบัลโด้ ฟิโยล
สำหรับฟิโยลนั้นถือเป็นไอดอลสำหรับเขา "เมื่อพูดถึงฟุตบอล 'เอล ปาโต้' ก็คือบิดาสำหรับผม" เขากล่าว "ทุกๆ สิ่งที่เขาได้รับมันมาจากตัวเขาเองทั้งนั้น เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดเท่าที่อาร์เจนตินาเคยมี มันไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะสามารถยิงผ่านมือเขา"
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าโรเมโร่ก็ได้สร้างชื่อของเขาเองขึ้นมาประดับวงการเช่นกันเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2014 ฟาน กัลเองก็ต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้ "ผมเป็นคนสอนโรเมโร่ถึงวิธีการเซฟจุดโทษเอง นั่นแหละที่ว่าทำไมมันถึงน่าเจ็บใจ เราคือสโมสรที่ดึงตัวเขามาสู่เวทียุโรป เขาเป็นคนที่มากด้วยพรสวรรค์ และเป็นคนที่มีศักยภาพที่จะทำอะไรแบบนั้นได้"
โรเมโร่เองก็ไม่ลืมบุญคุณของโค้ชทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในตอนนั้น ซึ่งเขาก็ได้ไปหาอดีตผู้จัดการทีมของเขาหลังจากจบเกมที่สนามอารีน่า เด เซา เปาโล พร้อมกับขอบคุณที่ช่วยให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ในอาชีพค้าแข้ง
"ผมเดินไปหาหลุยส์เพื่อขอบคุณเขา เพราะเขาเป็นคนที่ช่วยผมทุกอย่างตอนย้ายไปอยู่ที่ฮอลแลนด์" เขาเผย "ผมย้ายไปยังประเทศที่ผมไม่รู้ภาษาเลยแม้แต่คำเดียว เขาช่วยผม และผมก็ต้องขอบคุณเขาสำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้ผม ผมรู้ว่าเขาบอกว่าเขาสอนผมเซฟจุดโทษ ที่จริงก็คือเขาสอนนักเตะทุกคนหลายๆ อย่างเลย รวมถึงการเจริญเติบโตและการมีสมาธิกับเกมด้วย ในวันแรกของผมที่ฮอลแลนด์ เขามาบอกกับผมว่าผู้รักษาประตูคือส่วนหนึ่งของทีม เป็นหนึ่งใน 11 ตัวผู้เล่น เขาช่วยให้ผมมาถึงจุดนี้ได้"
ลูกยิงของ มาริโอ เกิตเซ่ ของเยอรมันดับความฝันคว้าแชมป์โลกของโรเมโร่ และทีมชาติอาร์เจนตินา แต่ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มกว้างขวางขึ้นแล้ว น่าแปลกที่เขาตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นกับซามพ์โดเรียหลังสิ้นสุดการยืมตัวที่โมนาโก และเขาก็ทำได้เพียงนั่งดูเพื่อนๆ จากม้านั่งสำรองเท่านั้น
เอมิเลียโน่ วิเวียโน่ เป็นคนที่สวมถุงมือลงเฝ้าเสาให้กับทีมเป็นส่วนใหญ่ และในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่โรเมโร่จะต้องตัดสินใจแล้ว "ผมไม่สามารถทำได้แบบนี้ต่อไปอีก" เขายอมรับ "มันเหมือนกับที่ผมต้องเผชิญที่ฝรั่งเศส ดังนั้นเมื่อตลาดซื้อขายนักเตะใกล้จะปิดตัวลง ผมจึงเฝ้ารอโอกาสอย่างใจจดใจจ่อ" มีข่าวลือออกมามากมายว่าเขาเคยปฏิเสธการย้ายไปเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเขาก็ได้ตอบโต้เรื่องนี้ทันทีที่ได้ยิน "มันมีข่าวลวงออกมามากมายว่าผมปฏิเสธการย้ายไปเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เขาบ่น "สำหรับผมแล้ว การทำอะไรแบบนี้มันถือว่าบ้าไปแล้ว"
ฤดูกาลล่าสุด เขาได้ลงเล่นไป 11 เกมรวมทุกรายการ หนึ่งในนั้นเป็นเกมโคปปา อิตาเลีย และก็เป็นไปตามคาดที่เขาไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรในเซเรีย อา นั่นทำให้สื่อจับตามองเขาเป็นพิเศษในฐานะ 'หนึ่งในนักเตะที่น่าสนใจที่สุดที่สามารถย้ายทีมได้แบบไร้ค่าตัว' สุดท้ายเขาก็ได้กลับมาร่วมงานกับฟาน กัลอีกครั้ง และก็ได้บินไปสหรัฐอเมริกาเพื่อปิดดีลในครั้งนี้ด้วยตนเองกับทีมปีศาจแดง
เขาได้รับฉายาค่อนข้างน่ารักว่า 'ชิกิโต้' หรือเจ้าตัวเล็ก แม้ว่าเขาจะมีส่วนสูงถึง 6 ฟุต 3 นิ้วก็ตาม ที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่น่าตลกพอสมควร เพราะว่าพี่ชายของเขาดันมีขนาดร่างกายที่เรียกได้ว่ายักษ์จริงๆ นั่นก็คือ ดิเอโก้ โรเมโร่ ตอนนี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีแล้วที่โรเมโร่จะนำส่วนสูงของเขายืนตระหง่านท่ามกลางแสงสปอตไลท์อีกครั้งกับต้นสังกัดใหม่