หลังจากที่ อังเคล ดิ มาเรีย ไม่ร่ำลาสโมสรเพื่อไปตรวจร่างกายกับปารีส แซงต์-แชร์กแม็งที่โดฮา นั่นทำให้มีเสียงก่นด่าจากแฟนๆ มากมายที่มีต่อเขา บ้างก็แซวว่าเขาไม่ผ่านการตรวจร่างกายจิตใจอ่อนแอ เนื่องจากไม่ยอมต่อสู้แย่งตำแหน่งตัวจริงกับ แอชลี่ย์ ยัง ต่อไป และนั่นทำให้เขาเริ่มเป็นที่พูดถึงแล้วว่านี่คือนักเตะหมายเลข 7 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แย่ยิ่งกว่าสมัย อันโตนิโอ วาเลนเซีย สวมใส่เบอร์นี้ หรือแม้กระทั่ง ไมเคิล โอเว่น หรือไม่
ขณะที่ ราดาเมล ฟัลเกา ที่ไม่ประสบความสำเร็จกับสโมสร แต่อย่างน้อยเขาก็พยายามอย่างหนักในการล่าตาข่ายตามหน้าที่ของเขา ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนๆ ทุกคนยังคงรักเขาเช่นเดียวกับ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ที่อำลาทีมไปเมื่อ 11 ปีก่อน หลังจากที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเล่นในพรีเมียร์ ลีกได้
สำหรับดิ มาเรียนั้น การจากลาถนนสาย M16 ของเขาเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง ไม่ต่างอะไรกับ คาร์ลอส เตเบซ ที่จบกับทีมไม่สวย ทั้งที่แฟนบอลหนุนหลังให้เขาอยู่ต่อกับทีม ถึงขั้นโห่ใส่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กสัน ด้วยซ้ำที่เปลี่ยนตัวเตเบซออกในนัดสุดท้ายของเขาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แต่จากนั้นกลายเป็นว่าเตเบซดันย้ายไปเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แถมในการพาเหรดฉลองแชมป์กับต้นสังกัดใหม่ เขายังชูป้ายล้อเลียนด้วยการเขียนว่า 'R.I.P. Fergie' นั่นทำให้จากความรักกลายเป็นความเกลียดชังไปในทันที แต่ก็ต้องยอมรับว่าสมัยเขาค้าแข้งกับทีมปีศาจแดง เขามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการในรอบ 2 ฤดูกาล
เมื่อเทียบกับดิ มาเรียแล้ว ถือว่าแฟนๆ มีอะไรน้อยนิดมากให้จดจำเกี่ยวกับเขา อย่างเช่นลูกชิพสุดสวยในเกมที่บุกไปเยือนเลสเตอร์ ซิตี้ และในเมื่อเขามาจากทีมไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเขาแทบไม่มีค่าอะไรให้แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้จดจำในระยะยาวเลย
ไทม์ไลน์การค้าแข้งของดิ มาเรียกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สิงหาคม 2014
เซ็นสัญญามาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 59.7 ล้านปอนด์ จากเรอัล มาดริด
ประเดิมสนามกับทีมด้วยฟอร์มที่ดี แต่ทีมก็ทำได้เพียงบุกเสมอ 0-0 กับทีมน้องใหม่อย่างเบิร์นลี่ย์
กันยายน 2014
ทำประตูแรกให้กับทีมในนัดประเดิมสนามในบ้าน แถมยังแอสซิสต์ให้ ฮวน มาต้า ด้วย
ทำประตูสุดสวยด้วยการยิงล็อบผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิล ของเลสเตอร์ แต่เกมนั้นทีมแพ้ไป 3-5
ตุลาคม 2014
3 ประตู ในรอบ 4 เกม ดิ มาเรียยิงผ่านมือ ทิม โฮเวิร์ด ของเอฟเวอร์ตัน จากนั้นก็เป็นคนจ่ายให้ ราดาเมล ฟัลเกา ทำประตูชัย
เรียกใบแดงจาก บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้ จากนั้นเขาก็เป็นคนเปิดฟรีคิกลูกนั้นให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงตีเสมอช่วงท้ายเกมที่พบกับเชลซี
พฤศจิกายน 2014
ในเกมพบกับฮัลล์ ซิตี้ เขาได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง และต้องพักนานเป็นเดือน
มกราคม 2015
กลับมายิงประตูได้ในเกมเอฟเอ คัพที่เอาชนะโยวิล ทาวน์
ฟาน กัลลองจับเขาไปยืนเป็นกองหน้า แต่เขาก็ทำผลงานได้ย่ำแย่จนพ่ายเซาแธมป์ตัน 0-1
หลังจากที่ถูกโจรบุกบ้านที่เพรสต์บิวรี่ เขาก็พาครอบครัวย้ายออกไป และประกาศขายบ้านหลังนั้นในอีกเดือนถัดมา
กุมภาพันธ์ 2015
เล่นได้อย่างย่ำแย่ในเกมกับซันเดอร์แลนด์ และเขาก็ถูกเปลี่ยนตัวออก
มีนาคม 2015
ขณะที่ทีมตามหลัง 1-2 เขาก็มาโดนใบเหลืองที่ 2 ในช่วงเวลาติดๆ กัน หลังจากไปพุ่งล้มแล้วไปดึงเสื้อเพื่อเถียงกับผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์ ในเกมที่แพ้คาบ้านต่ออาร์เซนอลในเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
มีปัญหาเล็กน้อยกับฟาน กัลในเกมที่ทีมบุกเอาชนะลิเวอร์พูล 2-1 ที่แอนฟิลด์
พฤษภาคม 2015
ฤดูกาลของเขาจบลงด้วยอาการบาดเจ็บในนัดสุดท้ายที่พบกับฮัลล์ ซิตี้
