ผู้ชมในสนาม 35,761 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 22.30 น. วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2558
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
รีพอร์ต
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ทำ 3 ประตู ในช่วงเวลาแค่ 6 นาทีในครึ่งหลัง คว้าชัยชนะ 3 - 0 เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ทีมปีศาจแดงมีคะแนนห่างจากพื้นที่ท็อป 4 เพิ่มเป็น 4 คะแนนแล้ว
เดเล่ อัลลี่, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ เอริค ลาเมล่า รัวกระสุนให้สเปอร์สคว้าชัยเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ไวท์ ฮาร์ท เลนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เกม หลังจากที่ชนะได้ครั้งล่าสุด 3 - 1 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2001 ผลการแข่งขันนัดนี้ทำให้การลุ้นทำอันดับไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้ากลายเป็นงานที่ยากลำบากสำหรับลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ในขณะที่เหลือการแข่งขันให้เล่นอีกแค่ 6 เกม ในฤดูกาลนี้
เกมที่ไวท์ ฮาร์ท เลนต้องคิกออฟช้ากว่ากำหนด 30 นาที เนื่องจากรถบัสของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสบปัญหาการจราจรติดขัด ทำให้นักเตะปีศาจแดงมีเวลาวอร์มอัพกันสั้นกว่าปกติ แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อรูปเกมในครึ่งแรกของทีมแต่อย่างใด เมื่อทีมของฟาน กัลสามารถครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ และได้ลุ้นประตูจากการยิงของ เจสซี่ ลินการ์ด กับ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ ดาวรุ่งชาวดัตช์ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน มัตเตโอ ดาร์เมียน
สเปอร์สต้องการชัยชนะเกมนี้ หลังจากเลสเตอร์ ซิตี้คว้าชัยไปได้ก่อน 2 - 0 ที่ซันเดอร์แลนด์ และพวกเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเกมรุก แฮร์รี่ เคน ที่ยืนตำแหน่งล้ำหน้าได้ยิงให้ ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงเซฟ จากนั้น คริสเตียน อีริคเซ่น ก็ได้ปั่นโค้งหลุดกรอบ ก่อนที่ลาเมล่าจะได้โอกาสทอง เมื่อเขาโขกตามน้ำหลุดเสาไกลออกไปแค่นิดเดียวก่อนเกมดำเนินมาถึงครึ่งชั่วโมง
ก่อนหน้าเกมนี้ ท็อตแน่มมีสถิติเกมรับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ ลีก โดยเสียประตูไปแค่ 25 ลูก ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เก็บคลีนชีทได้มากที่สุดในลีกเช่นกันที่จำนวน 15 ครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่สกอร์จะยังไม่ขยับเมื่อจบครึ่งแรก
แอชลี่ย์ ยัง ถูกส่งลงมาแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงต้นครึ่งหลัง ถือเป็นการลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม ที่บุกชนะลิเวอร์พูล 1 - 0 โดยนักเตะวัย 30 ปี ถูกดันให้ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาเพิ่งเล่นมากับทีมชุดยู-21 เมื่อกลางสัปดาห์
สเปอร์สเริ่มเล่นได้รวดเร็วมากขึ้น และเด เคอาก็ถูกบังคับให้ต้องเซฟถึง 2 ครั้ง ในนาทีที่ 50 ครั้งแรกจากการยิงของอีริคเซ่น ต่อด้วย เอริค ไดเออร์ ที่กำลังเล่นได้เข้าฟอร์ม ก่อนที่เคนจะบังคับให้ผู้รักษาประตูชาวสเปนต้องเซฟอีกครั้ง ถึงตรงนี้นับว่าแนวรุกของสเปอร์สดูอันตรายเป็นอย่างมาก
เกมเริ่มไม่ปะติดปะต่อเมื่อทั้ง 2 ทีมเริ่มเสียบอลกันง่าย แต่ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ก็เกือบซัดประตูขึ้นนำได้ในนาทีที่ 62 เมื่อเขาลากตัดจากริมเส้นฝั่งซ้ายผ่านแนวรับท็อตแน่ม 3 คนเข้าไปยิงให้ อูโก้ ยอริส เพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสต้องออกแรงเซฟบ้าง
แม้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะมองถึงชัยชนะ แต่ท็อตแน่มก็มาทำให้ความหวังของทีมปีศาจแดงต้องพังลงด้วยการรัวยิง 3 ประตู ในช่วงเวลาแค่ 6 นาที อัลลี่ซัดประตูแรกผ่านมือเด เคอาเข้าไป จากการจ่ายมาให้ทางฝั่งซ้ายของอีริคเซ่น จากนั้นอัลเดอร์ไวเรลด์ก็มาโขกเข้าไปอีกจากจังหวะฟรีคิกของลาเมล่า ก่อนที่ลาเมล่าจะยิงได้เองบ้างจากการจ่ายมาให้ของ แดนนี่ โรส
ผลการแข่งขันนัดนี้ที่ไวท์ ฮาร์ท เลนทำให้เป็นงานยากสำหรับทีมของฟาน กัลในการทำอันดับไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยตอนนี้ตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ 4 คะแนน ซึ่งบังคับให้ทีมปีศาจแดงต้องหันมาเน้นเป็นอย่างมากในเกมเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ช่วงกลางสัปดาห์นี้ ที่จะต้องบุกไปเยือนเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดรีเพลย์
สถิติ
|
|
ผู้ทำประตู | |
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
เดเล่ อัลลี่ น.70 โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ น.74 เอริค ลาเมล่า น.76 |
สถิติ | |
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
16(8) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 5(1) |
10 | ฟาวล์ | 10 |
2 | เตะมุม | 7 |
3 | ล้ำหน้า | 3 |
3 | ใบเหลือง | 3 |
0 | ใบแดง | 0 |
47% | การครองบอล | 53% |