แต่เมื่อกลุ่ม INEOS เข้าเทคโอเวอร์สโมสรและมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการด้านฟุตบอล ทีมปีศาจแดงก็เหมือนกำลังจะเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สนามซ้อมที่ว่างเว้นจากการปรับปรุงมายาวนานก็ได้รับการเหลียวแล โรงละครแห่งความฝันที่ถูกละเลยมาหลาย 10 ปี ถูกบูรณะให้ทันสมัยขึ้น รวมไปถึงมีแผนสร้างสนามใหม่เพื่ออนาคต
นอกจากนั้นการเปลี่ยนตัวผู้บริหารตำแหน่ง CEO มาเป็น โอมาร์ เบอร์ราดา ผู้เชี่ยวชาญการบริหารทั้งด้านธุรกิจและวิเคราะห์บอล ทำให้ปีศาจแดงมีทีมงานหลังบ้านคุณภาพทัดเทียมคู่แข่งเสียที หลังจมปลักมานานกับผู้นำองค์ที่หาเงินจากสปอนเซอร์ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ผลงานในสนามกลับดิ่งลงเหว
ตลอด 10 ปีมานี้ แม้ยูไนเต็ดจะคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก แชมป์เอฟเอ คัพ รวมถึงแชมป์ลีกคัพ แต่สำหรับรายการใหญ่อย่างแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกนั้นกลับไม่เคยเฉียดใกล้ ตรงกันข้ามพวกเขาเปลี่ยนลุคจากทีมลุ้นแชมป์เป็นทีมกลางตารางโดยสมบูรณ์ แถมบ่อยครั้งยังต้องลุ้นเพื่อให้ได้โควต้าฟุตบอลยุโรประดับรองอีกต่างหาก
การเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยครั้งในระยะหลังเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ปีศาจแดงย่ำอยู่บนความล้มเหลว เพราะกุนซือที่ผ่านมาแต่ละคนล้วนมีแนวทางการทำทีมที่ต่างกันออกไป
จะดีแค่ไหนหากยูไนเต็ดกำหนดระบบการเล่นที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง แล้วค่อยเฟ้นหาผู้จัดการที่ความสามารถตรงตามคอนเซ็ปต์ จากนั้นก็ปลูกฝังปรัชญานั้นลงไปสู่นักเตะเยาวชนทุกระดับ เพื่อผลิตผู้เล่นที่สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนได้รุ่นต่อรุ่นอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของแดน แอชเวิร์ธ ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่
การซื้อขายนักเตะแต่ละรอบเป็นอีกปัญหาที่หมักหมมมานาน ปีศาจแดงมักจะเดินเกมล่าช้าจนพลาดนักเตะเป้าหมายหลัก แถมยังถูกโก่งราคาจากเป้าหมายรอง นอกจากนั้นยังต้องจ่ายเกินจริงและทุ่มค่าเหนื่อยมหาศาลเพื่อให้ได้นักเตะแต่ละคน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหล่าอดีตกุนซือออกมาระบายตรงกัน
แต่กับตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ หลังจากแต่งตั้งคริสโตเฟอร์ วิเวลล์ เข้ามาช่วยงานแอชเวิร์ธในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสรรหาบุคลากร ยูไนเต็ดก็เดินเกมทุกดีลด้วยกลยุทธอันชาญฉลาด
จะเห็นได้ว่าทุกดีลล้วนเป็นนักเตะคุณภาพตรงตามตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ใช่อยากได้เชส ฟาเบรกัส แต่ได้มารูยาล เฟลไลนี่ อยากได้โรเบิร์ต เลวานดอฟกี กลับได้ราดาเมล ฟัลเกา หรือแม้แต่เลือกวิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แทนที่จะเป็นเวอร์จิล ฟาน ไดค์ อย่างที่ผู้จัดการทีมเสนอ
ทีมบริหารชุดใหม่ได้จุดประกายความหวังให้กับเหล่าแฟนผีอีกครั้ง อาจต้องใช้เวลาบ้างกว่าจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหมือนครั้งอดีต แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่ได้เดินวนอยู่ในความมืดมิดที่มองไม่เห็นอนาคตอีกแล้ว ตอกย้ำสัจธรรมอีกด้านของพระอาทิตย์
ยิ่งมืด...ยิ่งใกล้สว่าง