การมาถึงและความรุ่งโรจน์
ฟาน นิสเตลรอยย้ายเข้าร่วมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยค่าตัวที่สูงถึง 19 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติในขณะนั้น หลังจากการย้ายทีมต้องหยุดชะงักลงไปหนึ่งปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่เมื่อเขามาถึงเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง ฤดูกาลแรกของเขาทำประตูไป 23 ประตูในพรีเมียร์ลีกและรวมทั้งหมด 36 ประตูในทุกการแข่งขัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยิงประตูจากทุกมุม ความฉลาดในการเคลื่อนที่ และความเฉียบคมในการยิงที่ทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายของกองหลัง ด้วยความสามารถในการยิงทั้งด้วยเท้าและการโหม่งประตู เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ในช่วงเวลา 5 ปีที่อยู่กับสโมสรฟาน นิสเตลรอยยิงได้ 150 ประตูจากการลงเล่น 219 นัด โดยเฉลี่ยเกือบ 1 ประตูต่อเกม เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2002-03 และทำประตูในลีกได้ถึง 25 ประตู ช่วยให้ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ความสม่ำเสมอในการทำประตูทำให้เขาเป็นที่น่าเกรงขามทั้งในลีกและการแข่งขันยุโรป ซึ่งเขากลายเป็นกองหน้าที่น่ากลัวในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ความขัดแย้งกับเซอร์อเล็กซ์
แม้ว่าเขาจะทำประตูได้มากมายและมีส่วนสำคัญต่อทีม ความสัมพันธ์ระหว่างฟาน นิสเตลรอยและเซอร์อเล็กซ์เริ่มมีความตึงเครียดในปีท้าย ๆ ความขัดแย้งเริ่มขึ้นราวปี 2004 เมื่อฟาน นิสเตลรอยรู้สึกไม่พอใจกับการเลือกทีมและการตัดสินใจทางยุทธวิธีของเซอร์อเล็กซ์ขณะที่เซอร์อเล็กซ์เองก็เริ่มรู้สึกว่าฟานนิสเตลรอยขาดความยืดหยุ่นในแผนการเล่นและเน้นที่การเป็นกองหน้าตัวกลางมากเกินไป ซึ่งทำให้ทีมขาดความสมดุล ปัญหามาถึงจุดแตกหักในฤดูกาล 2005-06 ระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศลีกคัพกับวีแกนฯ ที่เซอร์อเล็กซ์เลือกหลุยส์ ซาฮาลงสนามแทนฟาน นิสเตลรอยซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก โดยเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์เดียว เขาเคยมีการปะทะกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ระหว่างการฝึกซ้อม ซึ่งส่งผลต่อความสัมพันธ์ในทีม และสุดท้ายเซอร์อเล็กซ์ก็ปล่อยให้ฟาน นิสเตลรอยพักในเกมสุดท้ายของฤดูกาล เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการย้ายออก
การจากลาและผลกระทบทันที
ในช่วงฤดูร้อนปี 2006 ฟาน นิสเตลรอยย้ายไปเรอัลมาดริดด้วยค่าตัว 10.2 ล้านปอนด์ การจากลาเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับแฟนบอลที่ชื่นชมในความสามารถในการทำประตูของเขา แต่ก็เข้าใจว่าทีมต้องการความสามัคคีในสโมสร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซอร์อเล็กซ์ยังคงตึงเครียด ทั้งสองฝ่ายกล่าวถึงสาเหตุของความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย ทำให้แฟน ๆ ต้องคาดเดา เมื่อไปถึงเรอัลมาดริดฟานนิสเตลรอยก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมและเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลแรกของเขา อย่างไรก็ตามการจบการค้าแข้งกับยูไนเต็ดแบบไม่สวยงามกลายเป็นเรื่องที่เขาเสียใจภายหลังฟานนิสเตลรอยได้กล่าวว่าเขาอยากให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปในทางที่ดีมากกว่านี้
การคืนดีกันในช่วงเวลาต่อมา
จนกระทั่งในปี 2010ฟานนิสเตลรอยได้ติดต่อกับเซอร์อเล็กซ์และแสดงความเสียใจที่เรื่องราวจบลงแบบนั้น ทั้งสองคนต่างผ่านช่วงเวลาและเข้าใจซึ่งกันและกันเซอร์อเล็กซ์ได้ซาบซึ้งถึงผลงานของฟานนิสเตลรอยที่มีต่อทีม และฟานนิสเตลรอยก็ได้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญที่เซอร์อเล็กซ์มีในอาชีพการค้าแข้งของเขา พวกเขาพบกันแบบตัวต่อตัว และฟานนิสเตลรอยได้ขอโทษเซอร์อเล็กซ์ด้วยใจจริงถึงพฤติกรรมในช่วงท้ายของเขาที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เซอร์อเล็กซ์ ผู้ซึ่งแม้จะเป็นคนเข้มงวดแต่ก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับอดีตนักเตะเสมอ ยอมรับคำขอโทษของฟาน นิสเตลรอยและนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น พวกเขาได้พบกันอีกในกิจกรรมต่าง ๆ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และฟานนิสเตลรอยเองก็ได้กล่าวถึงความเคารพและบทเรียนที่เขาได้จากเซอร์อเล็กซ์อย่างเปิดเผยในเวลาต่อมา
ตำนานของฟาน นิสเตลรอยที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทุกวันนี้ฟาน นิสเตลรอยยังคงได้รับการจดจำอย่างดีจากแฟน ๆ ของยูไนเต็ดด้วยความสามารถในการทำประตูและความทุ่มเทในสนาม การทำงานร่วมกับผู้เล่นอย่างพอล สโคลส์และไรอัน กิ๊กส์เป็นที่น่าจดจำ และการดวลกับกองหลังในพรีเมียร์ลีกกลายเป็นตำนาน แม้ว่าการค้าแข้งของเขากับยูไนเต็ดจะจบลงด้วยปัญหา แต่การคืนดีกับเซอร์อเล็กซ์เป็นการแสดงถึงความเคารพที่มีต่อกันอย่างแท้จริง
ตำนานของฟาน นิสเตลรอยที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงอยู่ ความสามารถในการทำประตูของเขานั้นมีส่วนสำคัญในความสำเร็จของยูไนเต็ดในช่วงต้นยุค 2000 และสถิติการทำประตูของเขาก็ยังคงเป็นหนึ่งในสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร การคืนดีกับเซอร์อเล็กซ์ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความซับซ้อนของฟุตบอลระดับสูง ที่ความกดดันในการแข่งขันบางครั้งอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่ในท้ายที่สุด ความเคารพและความชื่นชมที่มีให้กันก็ยังคงอยู่ หลังจากที่เอริก เทน ฮาก กุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ ทุกไล่ออกหลังจากที่เริ่มออกสตาร์ตฤดูกาล 2024/2025 ได้อย่างย่ำแย่ พายูไนเต็ดจมบ๊วยที่อันดับ 14 ฟานนิสเตลรอยได้เข้ามากุมบังเหียนเป็นการชั่วคราว และสามารถพาทีมเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ไปขาดลอย 5-2 ในเกมแรก ก่อนจะเก็บชัยชนะได้อีกเกมในศึกยูฟ่ายูโรปาลีก เชื่อเหลือเกินว่าอดีตกองหน้าฝีเท้าใบมีดโกนคนนี้ จะมีบทบาทภายใต้การนำทัพของรูเบน อโมริม ต่อไป
โอกาสคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2025
การเข้ามาของอโมริมอาจจะช่วยให้ยูไนเต็ดฟอร์มกระเตื้องขึ้นก็จริง แต่บ่อนพนันถูกกฎหมายจะว่ายังไงกันบ้าง ทำไมไม่ลองเข้าเยี่ยมชมไปที่ 10 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ที่เราได้คัดสรรมาให้คุณ เพื่อลองเสี่ยงดวงชิงโชคชิงชัยกันต่อไปได้เลย! ณ ขณะเขียน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกรวมแล้ว 1 ใน 200 เท่ากับทีมเล็กฟอร์มแรงอย่างน็อตติงแฮม ฟอเรสต์เท่านั้น ในขณะที่ทีมหัวตารางอย่างลิเวอร์พูลมีโอกาสมากถึงเกือบ 50% ในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัย 20 มาครอง