napaphat เขียน:nazal_b เขียน:อีกหน่อยใครยึดอำนาจได้ อีกฝ่ายโดนยึดทรัพย์หมด ศาลติดสินตามกฏหมายของคณะปฎิว้ต สร้างบรรทัดฐานที่ผิดและดาบนั้นจะคืนสนอง ไม่ช้าก็เร็ว สร้างกฏหมายแล้วก็เอาผิดย้อนหลังแต่คนที่ไม่ใช่พวกตัวเอง พอคดีของพวกตัวเองกลับเงียบ ถ้าจะเอาผิดก็เอาให้หมดทุกคนสิ อย่าเลือกปฎิบัติ
ไม่ทราบว่าคุณได้ฟังคำพิพากษารึเปล่านะครับ
แต่เท่าที่ผมฟังนั้น ศาลใช้กฎหมายของคณะปฏิวัติ แค่เรื่องของการที่ คตส.
มีอำนาจในการตรวจสอบทุจริตครับ
นอกนั้นก็ใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วครับ โดยใช้ดุลพินิจวิเคราะห์ตามเจตนารมณ์
ของกฎหมาย
ส่วนเรื่องการตรวจสอบของ คตส. นั้น เค้าก็มีหลักฐานตามที่ได้กล่าวอ้าง
เค้าไม่ได้สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเองหรอกครับ ไม่งั้นฝ่ายคุณทักษินคงจะแย้งไปแล้ว
และศาลก็ให้สิทธิแก่คุณทักษิณเต็มที่ในการแถลงคัดค้าน เพียงแต่ฝ่าย
คุณทักษิณไม่มีหลักฐานมาหักล้างเอง คำคัดค้านจึงฟังไม่ขึ้น
แล้วคดีปรส., สปก., ปิดสนามบิน, ยึดทำเนียบ ,สินบน 258 ล้าน ,ทุจริตไทยเข้มแข็ง,ทุจริตสารณสุข เสาธงต้นล่ะ 5 แสน ,ปลากระป๋องเน่า ,เขายายเที่ยง ,เขาสอยดาว,จัดซื้อ GT200 ผิดเหมือนกัน เอาให้เหมือน แต่ทำไมคดีเดินช้า ปรส.นี่จะหมดอายุความแล้ว
การตีความตามกฎหมายมันมองได้หลายแบบ ศาลตัดสินผมเห็นด้วยในบางประเด็นนะแต่ไม่ใช่ทั้งหมดจริงๆผม
เข้ามาอ่านเรื่องฟุตบอล แต่ถ้าอยากเปิดประเด็นทางการเมืองก็อยากให้เป็นกลางๆ คุยกันแบบมีเหตุผลดีกว่า เอา
แบบเชิงวิชาการนะ เราทำความเข้าใจก่อนว่า ศาลสามารถให้เราวิจารย์ในเชิงวิชาการได้อันนี้ศาลบอกเอง
ศาลตัดสินครั้งนี้ไม่ได้มีการบอกเลยสักคำว่ามีการทุจริตขอให้ทุกคนอ่านคำพิพากษาดีๆ ไม่มีคำไหนที่ศาลบอกว่า
ทุจริตเลย มีแต่บอกว่าออกนโยบายเอื้อกับบริษัทชินครอปกับไทยคมเท่านั้นที่ศาลเอาผิด ข้อกังขาที่มีก็คือศาล
วัดได้อย่างไรว่ากับจำนวนมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น ก่อนรับตำแหน่งมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 3 หมื่นล้าน ณ วันขายอยู่ที่ 7.6 หมื่น
ล้าน ถ้ามีแค่ 2 ตัวเลขนี้ มันก็พอทำให้เข้าใจแบบนั้นได้ แต่ตามความเป็นจริงไม่ใช่ย้อนกลับไปสมัย 2535 ด้วย
จำนวนหุ้นที่เท่าเดิม มูลค่าหุ้นในตอนนั้น 6 หมื่นล้าน ตลาดหุ้นในตอนนั้นก็ 1 พันหว่าจุด ในปี 2537 มูลค่าหุ้น 1
แสน 6 หมื่น 8 พันล้าน ตอนนั้นตลาดหุ้น 1 พัน 5 ร้อยจุด ในปี 2535 นายกรัฐมนตรีในขนาดนั้นคือคุณอนันต์
ปัญญารชุน ปี 2537 นายกคือชวน หลีกภัย ถ้าคุณเห็นด้วยกับศาลผมถามว่า นโยบายตอนนั้นมันเอื้อกับธุรกิจของ
เขาไหม ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นนายก จากรัฐบาลคุณอนันต์ไปถึงคุณชวนหลีกภัย ถามว่า 2 คนนี้ควรมีความผิดไหม
ทำไมทำให้หุ้นชินครอปสูงถึงแสนล้าน ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นมันขี้นอยู่กับสถานการร์ทางเศรฐกิจและการเมือง
โดยรวม เวลานักลงทุนเขามาซื้อหุ้นเขาไม่ได้มาซื้อเฉพาะหุ้นชินครอป เขามาซื้อหุ้นทั้งหมด ทั้งหุ้นธนาคาร
กรุงเทพ ปตท. เครือซีเมนต์ไทย เขาซื้อหมดเพราะเขาเชื่อว่าประเทศไทยน่าลงทุน แต่หลังจากนั้นประเทศไทยมีปัญหา เกิดฟองสบู่แตกหุ้นตกเหลือแค่ 3 - 4 ร้อยจุด ราคาหุ้นชินจึงเหลือแค่ 3 หมื่นล้าน ดังนั้นที่ผมจะบอกก็คือตลาดหุ้นมันขึ้นหรือลงไม่ได้เกี่ยวกับการที่ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่อ้างมาผมไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วยกับศาลนะในเรื่องของการออกนโยบายเอื้อต่อชินครอป ผมเห็นด้วยในบางกรณี แต่ว่าการอ้างในส่วนนี้ในการเพิ่มมูลค่าของหุ้นแล้วสรุปว่ายึดส่วนต่างนั้นได้อย่างไร ถ้าศาลจะยึดต้องคิดว่าตัวเลขนั้นต้องอธิบายให้ชัดได้ว่ามันถูกต้องหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าเทียบผลกำรขนาดนั้นกับบริษัทอื่นในตลาดหุ้นคิดเป็น%เปรียบเทียบกับกิจการอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์ช่วงเดียวกัน ในเวลาที่ทักษิณเป็นายกฯอยู่ ก็จะพบในเชิงเปรียบเทียบดังนี้
-ปูนซิเมนต์ไทย มีอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดคือ48%
-รองลงมา ปตท. ซึ่งกระทรวงคลังถือหุ้นใหญ่ มีอัตราผลตอบแทน 36%
-บริษัทนิคมอุตสาหกรรมอมตะฯ ของนายวิกรม กรมดิษฐ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อัตราผลตอบแทน 30%
-บริษัทซีเอ็ด ที่เป็นร้านหนังสือ 28%
-AIS เพียง 25%
-บริษัทชินวัตรเพียง 20%
-ชินแซทเทิลไลต์ เพียง 13%
ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยกับการยึดทรัพย์ทีกษิณ เป็นเรื่องของความยุติธรรม ความไม่เป็นธรรมต่อคนๆหนึ่ง ก็ย่อมหมายถึงความไม่ยุติธรรมต่อคนทั้งประเทศ ทุกอย่างมันอยู่ที่หลักการ และถ้าใชับรรทัดฐานเดียวกันกับคดีที่ศาลตัดสินนี้ ศาลก็ต้องติดสินยึดทรัพย์บริษัทซิโน-ไทยด้วย ซึ่งบริษัทนี้เป็นของอนุทิน ชาญวีรกุลซึ่งมีพ่อเป็น รมว.มหาดไทย เชาวรัตน์ ชาญวีรกุล ซึ่งได้โครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถ้าศาลใช้บรรทัดฐานนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ต่อการพัฒนาประเทศ ผมเห็นเหมือนเจ้าของกระทู้ว่าถ้าคิดแบบเป็นกลางมันยังไม่แฟร์พอ เท่านั้นเอง
ดูบอลเหอะพูดการเมืองมีแต่จะทำให้เราแตกแยก วันนี้ร่วมใจกันเชียร์แมนยูคว้าแชมป์ คาร์ลิ่งคัพกันดีกว่า