กระทู้นี้ไม่เหมาะกับบุคคลที่รักและบูชาแมน ยู แบบขวาจัดนะครับ ขอความกรุณาแฟนผีสไตล์นี้ผ่านกระทู้ผมไปได้เลย อยากรับฟังเหตุผลมากกว่าข้อความประเภท เก่งนักก็ไปเป็นโค้ชเองสิ หรือ หาว่าผมจับแพะ เป็นต้นครับ
หลังจากที่ฟื้นตัวจากความผิดหวัง ผมมานั่งคิดทบทวนดูแล้วการที่เราตกรอบมีสาเหตุอื่นนอกจากดวงแตกหรือไม่ ตามสโลแกนที่ว่า อย่าโทษซวย โทษตัวเอง ทำให้ผมเห็นจุดที่แมน ยู ไม่สามารถจัดการมันได้ดีเท่ากับ 3 ปีก่อนเลยคือ ความกดดัน ปีนี้แมน ยู ไม่นิ่งพอเลยครับในสถานการณ์ที่บีบ ในสถานการณ์คับขัน ลองสังเกตุดูได้ครับว่าปีนี้มีหลายนัดที่แม้ว่าจะขึ้นนำก่อนแต่สุดท้ายต้องมาน้ำตาตกตอนจบอยู่หลาดนัด อย่างเช่นการเจอเสือใต้ทั้งสองนัดเป็นต้น การเล่นเป็นทีมเยือนเมื่อขึ้นนำแล้วเลือกที่จะเล่นเกมส์รับเป็นอะไรที่พอเข้าใจได้ แต่มันต้องไม่ใช่รับอย่างไม่ลืมหูลืมตา รับแบบที่ว่ากดดันตัวเองอยู่ตลอด เพราะว่าการรับแบบนี้สมาธิหลุดแป๊บเดียวก็เจ๊งได้ทันที ทั้งสองนัดที่บาเยิร์นได้ทำเกมส์รุกจะสังเกตุว่าเราโงหัวไม่ขึ้นซักนิด หลังเสือสบายแฮดันช่วยกองกลางได้กว่าครึ่งสนาม นี่แหล่ะครับคือสาเหตุว่าทำไมทุกครั้งที่สกัดออกไปได้มันถึงเหมือนบอลเด้งกลับมาเร็วนัก ลองมองเทียบกับปีก่อนๆทำไมเวลาเราขึ้นนำแล้วเราถึงรักษาสกอร์ที่ต้องการไว้ได้ ทำไมหลังเราเหนี่ยวแน่นกว่าปีนี้ จริงๆแล้วปัจจัยไม่ได้อยู่ที่หลังอย่างเดียวครับ มันอยู่ที่กองหน้าหรือตัวรุกที่สามารถพาบอลไปได้ด้วยตัวเอง อันตรายเสมอถ้าเก็บบอลได้ ตัวรุกแบบนี้แหล่ะที่ช่วยให้แนวรับเราไม่ถูกกดดันมากเกินไป ใช่ครับการมีโรนัลโด้ ผมมองว่ามันช่วยเกมรับเราได้ในทางอ้อม แต่ปีนี้แม้ประสิทธิภาพรูนี่ย์จะสูงขึ้นแต่การไปกับบอล หรือความอันตรายเมื่อบอลอยู่กับตัวยังเทียบกับโรนัลโด้ไม่ได้เลย ตัวรุกที่มีความสามารถพาบอลไปกับตัวได้หรือทำสิ่งที่คาดไม่ถึงได้นั่นแหล่ะครับที่จะทำให้กองหลังคู่แข่งไม่กล้าที่จะดันสูงขึ้นมาช่วยกองกลางได้มากนัก ซึ่งนั่นก็จะทำให้เรามีโอกาสที่จะพอหายใจหายคอได้บ้างหากต้องเล่นเกมส์รับ อย่างนัดแรกประตูที่เราเสียสองลูกก็มาจากความผิดพลาดของกองหลังเองทั้งสิ้น หรือนัดที่แล้วก็มีแค่ลูกร๊อบเบนเท่านั้นที่ไม่ได้มาจากการผิดพลาดของกองหลังเราเอง คือดูจากการเล่นแล้วถ้าแนวรับเราไม่อยู่พลาดกันเองอย่างเก่งสองนัดเราก็โดนเสือมันยิงแค่ลูกเดียวเท่านั้นแหล่ะครับ และสาเหตุของการผิดพลาดส่วนหนึ่งก็มาจากการถูกบีบให้รับอย่างไม่ลืมหูลืมตานั่นเอง ถามว่าก็ตัวมันมีเท่าเนี้ย รูนี่ย์ก็เจ็บ แถมเหลือสิบคนอีกจะไม่ให้เล่นเกมส์รับได้ยังไง ผมว่าป๋าพลาดไปนิดเดียวตรงเลือกเอานานี่ไปเล่นกองหน้า ซึ่งนั่นทำให้ไม่มีกองหน้าโดยสัณชาติญานอยู่เลยตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง คือถ้านานี่แข็งแกร่งได้ดุจโรนัลโด้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่ (แต่ผมว่าอีกไม่นานแล้วแหล่ะ) ทำให้หลังเสือดันขึ้นสูงช่วยเก็บบอลให้กลางเค้าเล่นอย่างสบายใจ เราก็ถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีกองหน้าตัวที่มีความขยันสูงๆมายืนค้ำ ไม่แน่เราอาจได้ผลที่ต้องการ ในทีมนอกจากรูนี่ย์แล้วกองหน้าสไตล์นั้นก็คือ มาเคด้า อย่างน้อยๆการมีกองหน้าที่มีความแข็งแกร่งก็น่าจะพอขู่กองหลังเสือใต้ได้บ้าง หรือหากเป็นเบิร์บก็ควรส่งลงมาตั้งแต่ยังไม่เสียลูกที่สอง ไม่ใช่ว่าพอต้องการประตูก็ส่งลงมา เวลาให้เล่นมันเหลือไม่ถึงสิบห้านาที นักเตะยังไม่ทันปรับตัวเข้ากับเกมส์ได้เลย จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ บางทีการเลือกที่จะเล่นแต่เกมส์รับมันเสี่ยงยิ่งกว่าการใส่ตัวรุกลงไปบ้างซะอีกในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วว่าเกมส์รับเราไม่ได้ชัวร์เหมือนอย่างแต่ก่อน ยิ่งต้องพยายามเลี่ยง สิ่งที่ผมพูดมันอาจไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็น่าจะมีความเป็นจริงอยู่บ้าง ซึ่งผมเลือกมองแบบนี้มากกว่าจะมานั่งโทษ "ซวย" หรือ "ดวง" เพราะสิ่งเหล่านี้บางทีเราก็ควบคุมได้












