เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกคนดัง แมนฯ ยูไนเต็ด ใจยังเต็มร้อย เมื่อประกาศ ยังไม่ยอมยกแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้ เชลซี แน่นอน หวังจะเกิดปาฏิหาริย์ทำให้ "สิงห์บลูส์" สะดุด ในเกมสุดท้ายกับ วีแกน
เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวเก่ง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยัน เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า จะยังไม่ยอมยกแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ให้ เชลซี อย่างแน่นอน แม้ "สิงห์บลูส์" จะกุมความได้เปรียบอยู่มหาศาลก็ตาม
แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหลัง เชลซี ซึ่งกำลังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ 1 คะแนน โดยในเกมนัดสุดท้ายของซีซั่น วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม "เร้ด เดวิลส์" จะเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ สโต๊ค ซิตี้ ขณะที่ เชลซี จะเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ วีแกน แอธเลติก ในวันเดียวกัน
รูนี่ย์ กล่าวว่า "เรารู้ว่า เชลซี เป็นตัวเต็ง และทุกอย่างก็อยู่ในมือพวกเขา แต่หวังว่า ถ้าเราชนะในเกมของเรา มันจะสร้างความกดดันให้พวกเขาได้"
พร้อมกันนั้น หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ยังรำลึกถึงความหลังในซีซั่น 2007/2008 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีก โดยมีแต้มเหนือ เชลซี 2 คะแนน หลังเอาชนะ วีแกน ได้ในเกมสุดท้าย และ "สิงห์บลูส์" ทำได้แค่เสมอกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส
"เรายังจำได้เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่เราต้องชนะในเกมสุดท้าย และ เชลซี ก็ทำให้เราตกอยู่ภายใต้ความกดดันเล็กน้อย พวกเขาต้องชนะในเกมของตัวเอง และก็ไม่ชนะ ดังนั้นผมจึงหวังว่า เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง" กองหน้าร่างอวบ ทิ้งท้าย
ยาวไป!ตี๋ปาร์คหวังแขวนสตั๊ดกับผี
เชื่อว่าบรรดา เร้ด อาร์มี่ หลาย ๆ คนเองก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน หลังปาร์ค จี ซุงออกมาบอกว่าเขาอยากที่จะแขวนสตั๊ดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มิดฟิลด์ทีมชาติเกาหลีใต้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมักที่จะเรียกใช้งานอยู่เกมสำคัญ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันว่า การย้ายออกไปอยู่กับสโมสรอื่นนั้นก็รังแต่จะทำให้ก้าวถอยหลังไปเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากที่จะแขวรสตั๊ดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนะ เขากล่าว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดในโลก มันไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่จะย้ายออกไปจากที่นี่
สโมสรมีนักเตะที่อยู่กับทีมมานานหลายคนอย่างเช่นพอล สโคลส์ และไรอัน กิ๊กส์เป็นต้น
ถ้าสโมสรดูแลผม และช่วยให้ผมพัฒนาฝีเท้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป มันก็เป็นธรรมดาที่ผมก็จะอยู่กับพวกเขาต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่รู้อนาคตเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง
ป๋าเผยอีแวนส์เตรียมต่อสัญญาใหม่กับผี
เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดเผยว่าจอห์นนี่ อีแวนส์กองหลังดาวรุ่ง เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมเร็วๆนี้
อีแวนส์วัย 22 ปี ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของยูไนเต็ดไปแล้ว 64 เกม และแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเล่นแทนริโอ เฟอร์ดินานด์ยามที่ได้รับบาดเจ็บได้
"จอห์นนี่พิสูจน์ตัวเองได้แล้ว" เฟอร์กี้กล่าวกับ MUTV
"เขาจะเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่ และอยู่เป็นกำลังสำคัญให้ทีมไปอีกนาน"
อย่างไรก็ตามยังไม่การประกาศอย่างเป็นทางการจากสโมสรถึงเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเฟอร์กี้จะจับเจ้าหนูอีแวนส์เซ็นต์สัญญาฉบับใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ป๋าไม่สนพลาดหลายนัดส่อชวดแชมป์
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับคงไม่ทรมานตัวเองด้วยการนึกถึงความผิดพลาดของทีมในเกมอื่นๆ หากชวดคว้าแชมป์ลีกซีซั่นนี้ เชื่อสิ่งสำคัญที่สุดคือการก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยว่าคงจะไม่ทรมานตัวเองด้วยการย้อนกลับไปมองความผิดพลาดของ "ปีศาจแดง" หากพวกเขาพลาดคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้
ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 2 ไล่ตาม เชลซี เพียงแค่คะแนนเดียว โดยต้องลุ้นให้พลพรรค "สิงห์บลูส์" พลาดทำแต้มหลุดมือในนัดสุดท้ายกับ วีแกน แอธเลติก ในวันอาทิตย์นี้ และพวกเขาต้องเก็บชัยชนะเหนือ สโต๊ค ซิตี้เพื่อเถลิงแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน
เซอร์เฟอร์กี้ กล่าวถึงความผิดพลาดของทีมที่แพ้ไป 7 เกมในซีซั่นนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมต้องมานั่งลุ้นแชมป์จนนัดสุดท้าย "ผมเคยชินกับการดูทุกเกม แต่คุณสามารถทรมานตัวเองกับเรื่องนี้ เราแพ้เบิร์นลี่ย์ ในช่วงต้นฤดูกาล เกมนั้นควรเป็น 3 คะแนน และเรายังพลาดจุดโทษด้วย ถ้าเรายิงประตูได้ เราอาจจะชนะหรืออย่างน้อยก็เสมอ นั่นอาจทำให้เกิดความแตกต่างในตอนนี้"
"เรายังต้องเจอกับการตัดสินที่ไม่เป็นใจกับเราในเกมพบ เชลซี คุณคงได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว คุณมีสิทธิ์ที่จะเจ็บปวดและทรมานตัวเอง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว บางครั้งเราก็ทำร้ายตัวเอง"
สำหรับในฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีการเสริมทัพล่วงหน้าแล้ว โดยได้ คริส สมอลลิ่ง จาก ฟูแล่ม และ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ มาร่วมทีม โดย เฟอร์กูสัน เผยว่า "คุณต้องทำการตัดสินใจในสิ่งที่เราสามารถพัฒนาทีมขึ้นมา เมื่อคุณต้องลงชิงชัย 4 รายการ มันย่อมส่งผลกระทบให้เกิดความเหนื่อยล้า"
"คุณต้องรู้ในเรื่องนี้ และเติมเต็มความสดด้วยผู้เล่น 1-2 คน มันไม่ใช่ความปรารถนาที่จะทำ แต่คุณจำเป็นต้องทำในเรื่องนี้ เพราะความต้องการ และแรงกดดันที่นักเตะได้รับมันมากจริงๆ"
ป๋าแฉเองล้มความตั้งใจหมามุ่ยขอรีไทร์
ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเผยต้องทำหน้าที่โน้มน้าวใจ พอล สโคลส์ เห็นข้อดีต่อการยืนหยัดเล่นฟุตบอลและมีแรงกระหายความสำเร็จอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายจนในที่สุดมิดฟิลด์รุ่นเดอะยอมต่อสัญญาฉบับใหม่
กองกลางวัย 35 กะรัตตั้งเป้าจะรีไทร์จบฤดูกาลนี้เพราะหมดสัญญาแล้วนั่นเองแต่ป๋าเฟอร์กี้ยืนกรานเห็นความสำคัญของลูกหม้อคนนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อสโมสร
"ผมได้คุยกับ พอล เขาได้แจ้งความประสงค์ว่าเขาอาจแขวนสตั๊ดจบฤดูกาลนี้" กุนซือเลือดสกอตกล่าวผ่านนิตยสาร 'อินไซด์ ยูไนเต็ด'
"ผมเลยบอกไปว่าคุณสามารถเล่นได้อย่างไม่ปัญหา ศักยภาพของคุณยังมีประโยชน์และคุณจะไม่เจอวันตกต่ำกับการเล่น ประสบการณ์ของคุณจะช่วยเพิ่มศักยภาพของคุณมากขึ้นไปอีก "
"เมื่อดูจากอายุของ พอล อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับ ไรอัน กิ๊กส์ และ แกรี่ เนวิลล์ แน่นอนสภาพร่างกายอาจดร็อปลงไปตามวัย แต่ศักยภาพจะไม่เสื่อมถอยไปไหน"
"หลังจากนั้นเขาตัดสินใจอยู่กับทีมต่อ เขาก็แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นในนัดพังประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้"
ป๋าหนุนแกรี่ติดทัพสิงโตลุยบอลโลก
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบรมกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเชื่อว่าแกรี่ เนวิลล์มีโอกาสที่ดีมากในการที่จะได้เดินทางไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกับทีมชาติอังกฤษ
เขามีโอกาสที่ดีเอามาก ๆ เฟอร์กูสันกล่าว
เวส บราวน์ได้รับบาดเจ็บมาในช่วงก่อนหน้านี้ และคุณก็มีเกล็น จอห์นสันจากลิเวอร์พูล แต่แกรี่ เนวิลล์มีประสบการณ์ในการเล่นที่สูง เหมือนอย่างที่เขาแสดงให้เห็นแล้วในเกมดาร์บี้แมตช์ที่ประกบเคร็ก เบลลามี่ซะอยู่หมัด
ฟอร์มของเขามันมหัศจรรย์มาก
ฟอสเตอร์แย้มถึงเวลาอำลาผีแดงแล้ว
เบน ฟอสเตอร์ นายด่านสำรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับส่อแววถึงเวลาย้ายรังเพื่อแสวงหาโอกาสในการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอซะแล้ว หลังส่อแห้วติดธงไปลุย เวิลด์ คัพ ค่อนข้างแน่ แม้การตีจาก "ปีศาจแดง" ย่อมหมายถึงชีวิตนักเตะของตัวเองจะย่างก้าวเข้าสู่สภาวะสาละวันเตี้ยลงก็ตามที
เบน ฟอสเตอร์ ผู้รักษาประตูสำรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หวั่นเกรงว่าอาจถึงเวลาต้องย้ายทีมเสียแล้ว เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะไม่มีชื่อร่วมทีมชาติอังกฤษชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ค่อนข้างแน่นอนแล้ว แม้ว่าจะเคยก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกของต้นสังกัดเมื่อช่วงเริ่มต้นฤดูกาล จากการที่ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์ จอมหนึบมือ 1 มีอาการบาดเจ็บก็ตาม แต่กลับได้ลงเล่นเพียงนัดเดียวเท่านั้นในศึก พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในนัดชิงชนะเลิศศึก คาร์ลิ่ง คัพ ที่ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับเลือกที่จะใช้งาน โทมัส คุสแซ็ค ลงทำหน้าที่แทน ฟอสเตอร์ อีกต่างหาก ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงทำให้เจ้าตัวต้องการที่จะย้ายออกไปเพื่อแสวงหาโอกาสในการลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ โดยมีรายงานข่าวว่า เบอร์มิงแฮม ซิตี้ สนใจที่จะคว้าตัวไปร่วมงานด้วย
นายด่านลูกหม้อ "ปีศาจแดง" วัย 27 ปี เผยกับ "แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์" หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง ว่า "คุณไม่มีวันจะต้องการย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรอกนะ หากคุณย้ายออกจากสโมสรแห่งนี้ คุณก็มีแต่จะก้าวถอยหลังเท่านั้นแหละ แต่ผมต้องการจะเล่นฟุตบอล ผมไม่สนใจที่จะแค่อยู่โยงไปวันๆ และผมจะไปหากสโมสรต้องการขายผม หากพวกเขายินดีที่จะรับข้อเสนอ หลังจากนั้นคุณย่อมจะต้องเข้าใจ และตระหนักว่าคุณไม่เป็นที่ต้องการจริงๆ แล้วก็จะต้องย้ายไป มันไม่ใช่จุดจบของโลกสำหรับผมหรอกน่า"
"ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปแอฟริกาใต้แล้วในตอนนี้ หากเขา (ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ) เลือกผม มันก็คงจะไม่ยุติธรรมอย่างมากๆ สำหรับผู้รักษาประตูรายอื่นๆ ผมไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แถมนายประตูอังกฤษคนอื่นๆ อย่างเช่น โจ ฮาร์ท และ โรเบิร์ต กรีน ต่างก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก" ฟอสเตอร์ ปิดท้าย
มาร์ติเนซลั่นวีแกนสู้สิงห์สุดตัวแน่
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซกุนซือของวีแกนได้ออกมาบอกว่า พวกเขาจะสู้กับเชลซีแบบสุดตัว และจะไม่ลงเล่นโดยหวังแค่ผลเสมออย่างแน่นอน ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
ซึ่งทีมของมาร์ติเนซดูเหมือนจะเสียเปรียบกว่าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในการที่พวกเขาอาจจะไม่มีนักเตะตัวหลักอย่างคริส เคิร์กแลน และไตตัส บรัมเบิ้ลที่มีอาการบาดเจ็บ จนต้องเข้ารับผ่าตัดไปก่อนหน้านี้
ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจจะคิดว่าวีแกนมีโอกาสที่จะชนะน้อยมาก แต่มาร์ติเนซก็ยืนกรานว่าทีมของเขาจะลงสนามไปเพื่อเอาชนะเชลซีให้ได้เพื่อตัวของพวกเขาเอง
"เราไม่ได้ลงสนามเพื่อเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เราลงเล่นเพื่อตัวของพวกเราเอง" มาร์ติเนซกล่าวกับ The Mirror
"เราไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอยู่แล้ว"
"ผมสามารถรับประกันได้เลยว่าเรามีความรู้สึกว่าทีมเราสามารถจัดการได้กับทุกทีมที่เราต้องแข่งด้วย เราไม่เคยลงเล่นโดยพยายามจะลุ้นแค่ผลเสมอเท่านั้น เรามักจะมองหาชัยชนะอยู่เสมอ"
"มันเป็นความท้าทายที่พิเศษเอามาก ๆ สำหรับนักเตะทุกคน โดยเฉพาะนักเตะวัยหนุ่มของเรา"
"วงการฟุตบอลทั่วโลกจะคอยจับจ้องดูเกมนี้แน่"
Credit:SoccerSuck
















