คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคางทูมเชื่อเกมตัดสิน เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีก็คือบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 นั่นเอง
อดีตเทรนเนอร์เอซี มิลานยอมรับทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียบเปรียบเนื่องจากตอนนั้นคะแนนยังตามหลัง "ปีศาจแดง" ทำให้ทีมเกิดแรงกระตุ้นต้องเก็บสามคะแนนสถานเดียว
"ผมคิดว่าจุดเปลี่ยนสำคัญเลยก็คือชัยชนะในบ้านและเหนือสิ่งอื่นใดก็คือบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ " อันเชล็อตติกล่าว
"ยูไนเต็ด คือตัวแปรตัดสินแชมป์เพราะนั่นทำให้เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้น ในขณะเดียวกันทำให้พวกเขาหมดความมั่นใจลงไป"
ป๋าวาทะเด็ด"น้ำหมดครึ่งแก้วหรือเหลือครึ่งแก้ว"
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบอสใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสรุปผลงานในฤดูกาล 2009-10 เป็นความสำเร็จที่ผ่านเกณฑ์จากแนวทางของทีมและกับปัจจัยต่างๆที่พวกเขาต้องประสบมาตลอดทั้งปี
"ปีศาจแดง"เข้าป้ายฤดูกาลนี้แบบโหวงเหวงไร้แชมป์แต่หากพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วพวกเขาชวดเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกให้บาเยิร์น มิวนิคทั้งๆที่เป็นทีมที่ดีกว่ารวมถึงเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้เชลซีก่อนวันปิดฤดูกาลในนัดชี้ชะตาที่ลูกทีมคาร์โล่ อันเชล็อตติบุกเอาชนะลิเวอร์พูลถึงรังแอนฟิลด์
"ยูโรเปี้ยน คัพเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุด เราควรเข้าชิงชนะเลิศเพราะเราเป็นทีมที่ดีกว่า"
นอกจากนี้เฟอร์กี้มองสภาพของยูไนเต็ดในท้ายฤดูกาลต่างจากคนอื่นหากประเมินกับปัจจัยหลายต่อหลายอย่าง
"คุณมองฤดูกาลนี้อย่างไรขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับช่วงเวลาแย่ๆหรือช่วงเวลาที่มันส่งสัญญาที่ดี"
"มันเป็นคำพูดเก่าๆที่บอกว่าคุณจะมองแก้วน้ำแก้วนึงหมดไปครึ่งนึงหรือยังเหลืออีกตั้งครึ่งนึง"
"งานของผมในฐานะผู้จัดการทีมคือการประเมินและวิเคราะห์ในวันที่เหวงหรือมองสิ่งต่างๆให้เป็นภาพรวม"
"ผมจัดทีมถูกต้องเสมอมั๊ย? เรามีทีมที่แข็งแกร่งพอมั๊ย?"
"ผมต้องแยกข้อเท็จจริงจากเรื่องโมเมต่างๆ อย่างเช่นเสียงเมาธ์ว่าเราไม่ได้มองว่านี่ความสำเร็จในแง่ฟุตบอลที่เกี่ยวข้องสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
"เราต้องหยั่งค่าความสำเร็จที่ต้องต่อสู้กับความผิดหวังต่างๆและนำทุกๆเรื่องมาพิจารณา,ผมคิดว่าเราเป็นทีมที่มีความน่าเชื่อถืออยู่นะ"
คาเปลโล่ลุ้นรูน-จีบีฟิตทันลุยบอลโลก
ฟาบิโอ คาเปลโล่ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษลุ้นระทึกก่อนประกาศตัวขุนพลสิงโตคำรามชุดสู้ศึกเวิร์ลคัพงวดแรกในวันอังคารนี้ (11 พ.ค.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองกำลังหลักอย่างเวย์น รูนีย์กองหน้าทีมแมนฯ ยูไนเต็ด และแกเร็ธ แบร์รี่กองกลางทีมแมนฯ ซิตี้ต่างยังมีปัญหาบาดเจ็บ
คาเปลโล่มีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันอังคารต่อการส่งรายชื่อนักเตะ 30 รายไปให้ฟีฟ่าก่อนจะหั่นให้เหลือ 23 คนสุดท้ายบุกแอฟริกาใต้ในวันที่ 1 มิ.ย.แต่กระทั่งวันจันทร์กุนซืออิตาเลี่ยนยังคงปวดหัวกับอาการบาดเจ็บของสองนักเตะที่หากฟิตสมบูรณ์ก็จะมีชื่ออยู่ในทีมของเขาแน่นอน
โดยในรายของรูนีย์ยังมีอาการไม่สู้ดีในนัดปิดซีซั่นของพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ซึ่งสตาร์วัย 24 ปีต้องเดินออกจากสนามในช่วงท้ายเกมนัดพิชิตสโต๊คที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ด้านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกุนซืออสูรได้เผยว่าดาวยิงตัวกลั่นเจ็บขาหนีบในขณะฟิตซ้อมมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.แต่ชี้ชัดว่าสตาร์ของทีมจะฟิตทันรับใช้ทีมเมืองผู้ดีในศึกฟุตบอลโลกแน่นอน
สำหรับแบร์รี่บาดเจ็บจากเกมพ่ายสเปอร์สคารังเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยมีการยืนยันว่าปัญหาที่ข้อเท้าทำให้เขาต้องพักฟื้นเกินกว่าสามสัปดาห์
ต่อกรณีดังกล่าว หมายความว่ามิดฟิลด์ทีมเรือใบจะพลาดเกมอุ่นเครื่องที่อังกฤษมีนัดฉะกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น รวมถึงการเข้าแคมป์เตรีมความพร้อมที่ออสเตรียด้วย
"เรามีปัญหาไม่น้อย และผมมีเวลาตัดสินใจ 24 ชั่วโมง" คาเปลโล่เอ่ยเมื่อ 10 พค.
นอกจากคู่นี้แล้ว สิงโตคำรามก็ต้องเครียดไปกับสภาพความฟิตของริโอ เฟอร์ดินานด์กัปตันทีมด้วยเนื่องจากกองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดเจ็บหลังเรื้อรังจนลงเล่นให้สโมสรได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
อย่างไรก็ดี คาเปลโล่มีข่าวดีเช่นกันเนื่องจากเล็ดลีย์ คิงกัปตันสเปอร์สที่เจ็บเข่าเรื้อรังกลับมาลงสนามได้บ่อยขึ้น และน่าจะพร้อมลงบู๊ให้ทีมชาติซึ่งมีคิวลงเตะศึกฟุตบอลโลกห้าวันต่อนัดซึ่งถือว่าไม่ถี่จนเกินไป
"ผมดีใจที่เล็ดลีย์ คิงลงเตะสี่เกมใน 15 วันให้สเปอร์สได้ และผมแฮปปี้ที่เขามีฟอร์มดีทั้งสี่เกม" คาเปลโล่เสริม
ขณะเดียวกัน แอชลีย์ โคลแบ็คซ้ายเชลซีก็หายเดี้ยงกลับมาลงสนามได้ด้วยจึงทำให้คาเปลโล่ใจชื้นมากขึ้นแม้โจลีออน เลสค็อตต์กองหลังแมนฯ ซิตี้จะเจ็บเอ็นหลังเข่าไปตั้งแต่เดือนมี.ค.
พร้อมกันนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์แนวรับวัย 32 ปีของลิเวอร์พูลซึ่งอำลาทีมชาติไปนานสามปีก็มีแนวโน้มพร้อมกลับมาเล่นให้อังกฤษหลังจากคาเปลโล่ติดต่อไปหา
ริโอระทึก!ถ้าไม่ฟิตบิ๊กดอนหั่นทิ้ง
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเวลา 3 สัปดาห์ที่จะพิสูจน์ความฟิตว่าสามารถนำทีมชาติอังกฤษลุยศึก เวิลด์ คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้ หลังจากมีข่าวกระแสข่าววงในว่า ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือจอมเฮี้ยบเลือดอิตาเลี่ยน อาจต้องตัดชื่อเขาออก หากไม่ฟิตสมบูรณ์ถึงจะเพิ่งแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ก็ตาม
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์เล่มดังของอังกฤษ ประโคมข่าวใหญ่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ยินดีตัดชื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมชาติของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกจาก 23 ขุนพลสุดท้ายชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ หากเขาไม่สามารถพิสูจน์ว่าตัวเองฟิตพอลุยศึกใหญ่
เฟอร์ดินานด์ จะพลาดเกมตัดสินแชมป์ลีกกับ สโต๊ค ซิตี้ ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันอาทิตย์นี้ หลังพลาดลงซ้อมอีกครั้ง เมื่อวันเสาร์ จนทำให้ คาเปลโล่ เตรียมหันไปพึ่ง เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังลิเวอร์พูล เพื่อบรรเทาความกังวลที่แนวรับเจ็บกันระนาว โดยเขาไม่เพียงจะมีชื่อในรายชื่อเบื้องต้น 30 คนแต่จะผ่านการตัดตัวเป็น 23 คนสุดท้ายด้วย
ยิ่ง เล็ดลี่ย์ คิง ปราการหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะได้ตั๋วไปด้วยแน่นอนอีกคน หลังจากพิสูจน์ว่าเขาสามารถรับมือ 3 เกมภายใน 2 สัปดาห์ได้ ทำให้ เฟอร์ดินานด์ ต้องพิสูจน์ว่าร่างกายของเขาสามารถรับมือการลงเล่นทัวร์นาเมนต์ที่ฟาดแข้งกันนาน 4 สัปดาห์ซึ่งหมายถึงบททดสอบที่สาหัสเมื่อทีมเบื้องต้นมารายตัวในอีก 1 สัปดาห์เศษ และ ลงสนามพยายามทำผลงานในเกมกระชับมิตร 2 นัด กับ เม็กซิโก และ ญี่ปุ่น ตอนปลายเดือนนี้
สื่อดังกล่าวเข้าใจว่า คาเปลโล่ ได้ใส่ชื่อปราการหลังตัวกลางไว้แล้ว 3 คนในรายชื่อ 23 คนสุดท้าย คือ คิง, จอห์น เทอร์รี่ และ คาร์ราเกอร์ โดยภายใต้สถานการณ์ปกติ เฟอร์ดินานด์ ก็คงนำฝูง 4 เซนเตอร์ แต่บรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชและทีมแพทย์เมืองผู้ดี ต่างมีความกังวลเกี่ยวกับความฟิตของ อดีตแข้ง ลีดส์ ยูไนเต็ด มากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ คาเปลโล่ ที่ทำอะไรเฉียบขาดอยู่แล้ว จะไม่ลังเลที่จะทิ้งกัปตันทีมของเขาไว้ที่บ้าน หาก เฟอร์ดินานด์ ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ซึ่งการเลือก คาร์ราเกอร์ กลับมาติดทีมชาติอย่างสุดช็อคยิ่งทำให้ฐานะของเขาถูกเพ่งเล็งอย่างมาก
ทั้งนี้ การใส่ชื่อ คาร์ราเกอร์ จะมีการยืนยันในวันอังคาร และ มันก็ยากที่จะคิดว่าเขาจะยอมหวนกลับมาเล่นทีมชาติเว้นเสียแต่ว่าจะมีการันตีว่าเขาจะไม่เป็นคนหนึ่งที่ถูกตัดชื่อออกไป ตอน คาเปลโล่ คัดทีมสุดท้ายตอนต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า โอกาสที่ เฟอร์ดินานด์ จะนำทีมชาติลุย แอฟริกาใต้ ไม่แน่นอนเลยแม้แต่น้อย
กิ๊กซ์จับมือซีดานนำทัพดาราดวลแข้งการกุศลยูนิเซฟ
ไรอัน กิ๊กซ์และซีเนดีน ซีดาน เตรียมจับคู่กันลงเล่นฟุตบอลการกุศล "Soccer Aid 2010" ซึ่งมีทั้งนักกีฬาและศิลปินดาราชื่อดังเข้าร่วมอย่างมากมาย โดยทีมของปีกพ่อมดเวลส์กับอัจฉริยะลูกหนังโลกนั้นจะลงดวลแข้งกับทีมของร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์นักร้องชื่อดังของประเทศอังกฤษ
งานครั้งนี้จะจัดขึ้นที่โอลแทรฟฟอร์ดในวันที่ 6 มิถุนายน โดยจะมีการถ่ายทอดสดมายังช่อง ITV(อังกฤษ) และรายได้จากตั๋วเข้าชมกับผู้บริจาคที่ดูอยู่ทางบ้าน จะถูกส่งไปให้องค์กรยูนิเซฟทั้งหมด
กิ๊กซ์และซีดานจะอยู่ทีมเดียวกับดาราและนักกีฬาชื่อดังมากมาย อาทิ เช่นเยนส์ เลห์มันน์อดีตผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อล, ไบรอัน ล่าร่าอดีตนักคริกเก็ตระดับตำนาน, เฮนริค ลาร์สสัน อดีตกองหน้าของบาร์เซโลน่า และโรแนน คีทติ้งนักร้องนำวงบอยโซน
ส่วนทีมของร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์จะประกอบไปด้วยเทดดี้ เชอร์ริงแฮมอดีตศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ, อลัน เชียเรอร์ดาวยิงระดับตำนานของนิวคาสเซิ่ล, เดวิด ซีแมนอดีตนายทวารมือหนึ่งของอาร์เซน่อล และเจมมี่ เร้ดแนปป์อดีตมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล นอกจากนี้ยังมีริกกี้ ฮัตตันนักมวยขวัญใจชาวอังกฤษ และเบน เชปฮาร์ดพรีเซนเตอร์คนดังร่วมลงเล่นด้วย
กิ๊กซ์เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2006 โดยทำหน้าที่เป็นฑูตให้กับองค์กร และเขารู้สึกยินดีมากที่มีโครงการที่ทำเพื่อเด็กๆแบบนี้
"ผมได้ไปเยี่ยมเด็กๆมากมายที่ได้รับเชื้อเอดส์ในเซียร์ร่า ลีโอเน่ และเรียนรู้ถึงความยากลำบากที่เด็กๆเหล่านี้ต้องเผชิญ อย่างสิทธิในการเข้ารับการศึกษาหรือว่าสุขภาพขั้นพื้นฐาน"
"แต่ผมรู้แล้วว่ามันจะแก้ไขได้อย่างไร ด้วยพันธะและแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ยูนิเซฟกำลังทำให้มันเปลี่ยนไป"
"ซอคเกอร์ เอด อาจจะเป็นเพียงการแข่งขันฟุตบอลแมตช์นึง แต่ใน 90 นาทีนี้มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กนับล้านทั่วโลก ด้วยความช่วยเหลือของคุณ เข้าชมการแข่งขัน บริจาค และให้ความช่วยเหลือซ็อคเกอร์ เอด 2010 ในแบบพิเศษ"
แฟนบอลเฮ!สิงโตคำรามบู๊ไทยปีหน้า
แฟนบอลไทยมีสิทธิ์ได้ยลฝีเท้านักเตะทีมชาติอังกฤษกันแบบสดๆ หลัง เอฟเอ ยันพลพรรค "สิงโตคำราม" เตรียมยกทัพมาฟาดแข้งกับทีมชาติไทยในเดือนมิถุนายน ศกหน้า เพื่อเป็นการฉลองครองราชย์ครบ 65 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คาดเป็นส่วนหนึ่งในการหาเสียงสนับสนุนของแดนผู้ดี ในการเสนอตัวจัดศึกฟุตบอลโลก 2018
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ยืนยันว่า ทัพนักเตะ "สิงโตคำราม" เตรียมเดินทางมาลงเตะกับทีมชาติไทยเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายนปีหน้า เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 65 ปี โดยจะเดินทางมายังแดนสยามทันที หลังเสร็จภารกิจในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2012" รอบคัดเลือก นัดที่จะเปิดสนาม เวมบลีย์ รับมือ สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 4 มิ.ย. ศกหน้า
เกมที่ลูกทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ จะฟาดแข้งกับทีมชาติไทย ซึ่งมี ไบรอัน ร็อบสัน อดีตกัปตัน "สิงโตคำราม" นั่งแท่นกุนซือใหญ่นั้น ถูกมองว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้แดนผู้ดีได้รับเสียงสนับสนุนในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 หลังจากก่อนหน้านี้ เอฟเอ เคยให้การสนับสนุนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมาแล้วในหลายๆ เรื่อง
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้จัดการทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อาจไม่พอใจกับโปรแกรมนัดดังกล่าวของทีมชาติอังกฤษ เนื่องจากจะทำให้นักเตะของพวกเขาต้องเดินทางไกลเพื่อลงเล่นเกมแค่นัดเดียว แม้เกมจะมีขึ้นหลังจากฤดูกาลฟาดแข้งปิดฉากลงไปแล้ว ไม่เหมือนเกมที่ "สิงโตคำราม" เดินทางไปอุ่นแข้งกับ บราซิล ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในช่วงกลางซีซั่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก็ตาม
Credit:SoccerSuck/siamsport














