แมตช์ที่ 3 ( เกาหลีใต้ 2 กรีซ 0 )
ไม่ได้ดูเกาหลีใต้เล่นมานาน พอเห็นเล่นแมตช์นี้แล้ว ยอมรับว่าแปลกใจ ทำไมมาตรฐานสูงขึ้นมาก
ถ้าไม่นับชุดอันดับสี่ ตอนฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ได้เล่นในบ้านตัวเอง เกาหลีใต้ชุดนี้น่าจะเล่นได้ประทับใจที่สุดตั้งแต่เคยดูมา
นักเตะพลังโสมไม่มีใครโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ทุกคนช่วยกันได้ดีทั้งจังหวะรับและรุก ดูมีสไตล์ ไม่สักแต่ว่าวิ่งสู้ฟัดเหมือนเมื่อก่อน
วันนี้อาตี๋พาร์คซึ่งสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมดูเงียบๆ แต่ขึ้นชื่อว่านักเตะ แมนฯ ยูฯ ขอเพียงโอกาสครั้งสองครั้งก็สามารถสร้างความแตกต่างได้
ครึ่งแรกมีแทงบอลสวยๆ ให้เพื่อนร่วมทีมหลุดเข้าไปยิงเหน่งๆ หนนึง แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นประตู
ครึ่งหลังเขาฉกบอลจากความผิดพลาดของนักเตะกรีซ แล้วโซโล่เดี่ยวเข้าไปยิงลูก 2-0 ปิดเกมให้กับทีม
ฟุตบอลโลกหนนี้ หนังเกาหลีทำท่าจะดูสนุกและน่าตามเชียร์กว่าเทพนิยายกรีกที่หมดยุคไปแล้ว ( ทั้งนักเตะและผู้จัดการทีม ) เยอะเลย
แมตช์ที่ 4 ( อาร์เจนติน่า 1 ไนจีเรีย 0 )
มีอดีตนักเตะปีศาจแดงลงสนามให้ทีมฟ้าขาวถึง 3 คน คือ กาเบรียล ไฮน์เซ่, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ คาร์ลอส เตเวซ
และ ไฮน์เซ่ แบ็คซ้ายพันธุ์ดุก็สวมบทฮีโร่ เมื่อขึ้นไปโขกลูกเตะมุมตั้งแต่ช่วงต้นเกม เป็นประตูชัยให้ยอดทีมจากอเมริกาใต้
พูดถึงนักเตะอาร์เจนติน่า จากประสบการณ์ในอดีตที่เคยซื้อมา เซอร์อเล็กซ์ อาจจะเข็ดแล้วก็ได้
เซบา ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษ, กาบี้ เล่นพอใช้ แต่ไม่มีความจงรักภักดีกับสโมสร ส่วน ไอ้เตฟ โชว์ฟอร์มดี แต่พอย้ายทีมไปแล้ว สตรอบอแหลซะไม่มี ป๋าคงไม่อยากได้ใครมาให้ระทมกบาลอีกแล้ว
ทีม อินทรีมรกต ไนจีเรีย ที่วูบวาบหน่อยคือ ไอเย็กเบนี ยาคูบู ศูนย์หน้าจาก เอฟเวอร์ตัน สร้างความหนักใจให้แผงหลังอาร์เจนไตน์ได้บ้าง
แต่ถึงจะโชว์ฟอร์มในบอลโลกดีอย่างไรก็คงเหมาะกับแค่สโมสรในระดับเกรดบีเท่านั้น เพราะศักยภาพโดยรวมยังห่างชั้นจากศูนย์หน้าเชื้อสายแอฟริกันระดับโลกอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หรือ ซามูเอล เอโต้ ไกลโข
แมตช์ที่ 5 ( อังกฤษ 1 สหรัฐอเมริกา 1 )
เคยเขียนถึงอังกฤษว่า ยากจะคว้าแชมป์โลกหากปัญหาเดิมๆ ยังแก้ไม่ตกเสียที
ปัญหาที่ว่าคือ
หนึ่ง ไม่มีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้
สอง ใจไม่นิ่งในการดวลลูกโทษตัดสิน
สาม ผู้เล่นส่วนใหญ่โชว์ฟอร์มในทีมชาติได้ต่ำกว่าสโมสร
และสี่ สตาร์ของทีมมาจากสโมสรที่มีสไตล์การเล่นที่ต่างกัน ทำให้พอเล่นด้วยกันแล้วไม่ไหลลื่น
สิงโตคำรามลงเล่นนัดแรกในบอลโลก ปัญหาทั้งหมด ( ยกเว้นเรื่องลูกโทษ ) ก็ยังเห็นอยู่เหมือนเดิม และปัญหาข้อแรกก็ร้ายแรงถึงขนาดทำให้ทีมชวดประเดิมสามแต้ม
รอบแรกคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอังกฤษ เพราะอีกสองทีมที่เหลือต่ำชั้นกว่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะ แอลจีเรีย หรือ สโลเวเนีย แต่รอบต่อๆ ไปนี่สิ น่าจะลำบาก
บอลจากแดนกลางไปไม่ค่อยถึง เวย์น รูนี่ย์ เลย เห็นต้องมาล้วงบอลและช่วยขึ้นเกมหลายครั้ง
ดูแล้วเป็นหมูรูนนี่แหละ ที่เวลาบอลอยู่กับเท้าแล้วดูน่ากลัวที่สุด แต่ปัญหาก็คือบอลมันไม่ค่อยมาถึง
ไอ้เจิดเนี่ยถึงแม้จะยิงได้ แต่ช่วยลดบทบาทตัวเองหน่อยได้มั้ย จะคอยทำเกมแย่งซีนกับ แลมพ์ เรื่อยเลย
เมริงเน้นรับแน่นๆ แล้วค่อยไปเติมเวลาเกมตื้อๆ ก็เด่นได้ ไม่งั้นทีมมันมีเพลย์เมคเกอร์สองตัว รูปเกมก็จะออกมามึนๆ เช่นนี้ตลอด เล่นแบบปิดทองหลังพระเหมือน รอย คีน หรือ เอสเซียง น่ะไม่เป็นเหรอ?
ด้านอเมริกา ตรงกันข้ามกับอังกฤษเลย ผู้เล่นส่วนใหญ่เกรดซี แต่พอรวมทีมกันแล้ว กลับโชว์ฟอร์มได้ดีกันแทบทุกคน
แมตช์นี้ ทิม ฮาวเวิร์ด อดีตผู้รักษาประตูปีศาจแดง โชว์ฟอร์มเซฟไปหลายหน ถ้าตัวสูงกว่านี้สักหน่อย ป๋าคงไม่ปล่อยออกไปง่ายๆ









