คลาส ออฟ 2010 หรือ เฟอร์กี้เบ็บชุดใหม่(ภาคเปิดคดี)
จากการออกมาย้ำไม่ต่ำกว่าสามรอบของบรมกุนซือแห่งโอลแทรฟฟอร์ด ว่าการซื้อตัวนักเตะใหม่ของแมนยูได้สิ้นสุดลงแล้วนับตั้งแต่การเซ็นสัญญากับ ชิชาริโต้ เฮอนานเดซ(ตั้งแต่ก่อนปิดฤดูกาลก่อน) และแมนยูจะไม่ซื้อใครเพิ่ม แต่จะดันนักเตะเยวชนของสโมสรขึ้นมาแทน พร้อมวลีเด็ด "เราทุ่มเทกับนักเตะเยาวชนของเราอย่างมาก และมันคงเป็นการสูญเปล่าหากเราไม่ได้ใช้งานพวกเขา"
เสียงวิจารณ์กระหน่ำเข้ามาอย่างหนาหูทั้งจากสาวกเรดอาร์มี่เองและรวมไปถึงเสียงค่อนขอดจากแฟนบอลทีมคู่แข่งที่กระแนะกระแหนเช้าเย็น "สโมสรเป็นหนี้ใกล้ล้มละลาย ถังแตกไม่มีปัญญาจ่ายค่าตัวนักเตะ" และ "ทีมไม่มีทางทวงแชมป์คืนได้หรอกถ้าใช้นักเตะชุดนี้" ตามมาด้วยเสียงด่าทอตระกูลปลิงมะกันที่เป็นตัวการทำให้สโมสรประสบปัญหาทางการเงิน และรวมไปถึงการตำหนิป๋าว่า ณ ตอนนี้เป็นเพืยงแค่ตาแก่หัวดื้อ ไร้สมอง เลอะเลือน และตาบอด(มองไม่เห็นรึไงว่าตัวนักเตะมันอ่อนกว่าเชลซีหลายขุม แล้วไหนจะยังแมนซิที่ทุ่มซื้อนักเตะดาวดังเป็นว่าเล่น แล้วยังมีทีมอย่างแอสตันวิลล่า สเปอร์ ที่ดีวันดีคืน อย่าว่าแต่จะทวงแชมป์เลย แค่รักษาแชมป์มิคกี้เมาส์คัพให้ได้ยังลำบากเลยเว้...)
บางคนคงจะลืมไปแล้วว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้สถาปนาความยิ่งใหญ่ให้บังเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตลอดช่วงกว่า20ปีที่ผ่านมา ท่านเซอร์ปั้นทีมปรับแต่งขุมกำลังชุดแล้วชุดเล่า ท่ามกลางการเข้ามาแล้วจากไป(ทั้งด้วยดีและไม่ดี)ของเหล่าซุปเปอร์สตาร์ประจำทีม "ไม่มีคันโตน่าแล้วแมนยูก็งั้นๆ" "คุณไม่มีทางคว้าแชมป์ด้วยนักเตะเยาวชนพวกนี้" ทั้งหมดกลายเป็นคำพูดที่ไร้สาระ เมื่อตำนานเบอร์7คนใหม่ อย่างเบ็คแฮมแจ้งเกิดได้สำเร็จ พร้อมสไตล์การเล่นสุดยิดของเด็กเยาวชนแต่ละคนที่ถูกดันขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นกิ๊กส์ สโคลส์ บัตต์ สองพี่น้องเนวิล ลากผ่านการซื้อและขายนักเตะดาวดังอย่าง ยาป สตัม นิสเตอรอย เวรอน และอื่นๆ ป๋าแสดงให้เห็นมาตลอดว่าแมนยูไม่จำเป็นต้องง้อนักเตะซุปเปอร์สตาร์ แต่ต้องง้อกรู(ท่านเซอร์)
จะเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านนักเตะภายในทีมไม่กระทบกับผลงานมากนัก อาจจะมีฤดูกาลที่เจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยห่างแชมป์เป็นระยะเวลานานๆ นั่นก็เพราะในช่วงการผ่าตัดทีมแต่ละครั้ง ป๋าไม่เคยต้องเลาะกระดูกสันหลังของทีม หรือก็คือไม่เคยขาดนักเตะที่เป็นแกนหลักของทีม นั่นคือเหล่าเด็กปั้นหรือพวกลูกหม้อนั่นเอง เบ็คแฮม คีน เนวิล กิ๊ก สโคลส์ พวกนี้คือกระดูกสันหลังที่ช่วยให้การผลัดเปลี่ยนทีมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การซื้อดาวดังเข้ามาเสริมหรือขายดาวดังออกไปไม่มีผลกระทบอะไร เพราะอีโก้ของดาวดังจะถูกกลบด้วยเลือดรักสโมสรข้นคลัก การขาดหายของซุปเปอร์สตาร์จะแทนที่ด้วยความทุ่มเทเตะลืมตายของกลุ่มเด็กปั้นที่รับใช้ทีมมายาวนานด้วยหัวใจ ยามที่ยังเพาะบ่มเด็กใหม่ไม่ได้ที่ เหล่ากระดูกสันหลังก็คอยช่วยค้ำให้ผลงานของทีมอยู่ในรูปร่างที่ควรจะเป็นได้เสมอ
แต่ทุกสิ่งย่อมเสื่อมตามกาลเวลา กระดูกสันหลังเริ่มถูกตัดออกไปทีละข้อๆ เริ่มจากกระดูกอ่อนๆอย่างนิคกี้ บัต ฟิล เนวิล ไล่ขึ้นมาจนถึงกระดูกข้อสำคัญอย่างเบค แฮม รอยคีน จนเหลือเพียงสามผู้เฒ่าในยุคสโคลส์ กิ๊ก เนวิล ในยุคที่ผลัดเปลี่ยนเอาโรนัลโด้เข้ามา และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่จะช่วยให้สโมสรแข็งแกร่งไม่ใช่การปรับตัวหรือการมีอยู่ของซุปเปอร์สตาร์ แต่มันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของกระดูกสันหลัง ว่าจะช่วยค้ำยันทีมได้มากแค่ไหน ซุปเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงๆพวกนี้ก็แค่ผ่านมาแล้วจากไป อาจจะสร้างจุดเปลี่ยนได้ในบางเกม แต่เด็กปั้นที่รักสโมสรจะยินดีทุ่มเทเต็มที่ทั้งกายใจในทุกๆนาทีที่ลงเล่นเพื่อสโมสรโดยไม่เคยคิดตีตัวออกห่าง(ถ้าไม่จำเป็นแบบสุดๆจริงๆ) และนั่นคงทำให้ป๋าเริ่มคิดแล้วว่าการจะยืดระยะเวลาของความสำเร็จให้ยาวนานออกไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การหาซุปเปอร์สตาร์มาเข้าทีม แต่เป็นการเพราะเลี้ยงเซลล์และสร้างกระดูกสันหลังขึ้นมาใหม่ ให้สามารถทดแทนกระดูกข้อที่เสื่อมไปแล้ว
ท่ามกลางเสียงตำหนิมากมายถึงการดันทุลังใช้นักเตะอายุมากของป๋า ซึ่งผมเชื่อว่าป๋าไม่ได้ตาบอดหรอกครับเพียงแต่ป๋ารู้ดีถึงความสำคัญของการมีกระดูกสันหลัง และเด็กรุ่นหลังๆมันโตไม่ทันจริงๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการห่างหายจากการแจ้งเกิดของนักเตะเยาวชนที่ขาดช่วง และการที่ช่วงหลังเราไปซื้อดาวรุ่งค่าตัวแพงมากกว่าการดันเด็กฝึกหัดอย่างจริงจังนั่นแหละ ที่มันส่งผลกระทบออกมาให้เห็นในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้โปรเจคดันเด็กจึงถือกำเนิด และผมคิดว่านี่คือแนวทางที่ป๋าตั้งใจวางไว้ให้เป็นมรดกกับสโมสรแห่งนี้ เมื่อถึงเวลาที่ป๋าวางมือไปจริงๆ เพราะเมื่อคุณมีกระดูกสันหลังที่ดีแล้วการจะผ่าตัดส่วนต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป...และนี่คงเป็นความหมายของข้อความหนึ่งที่ป๋าเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า "ผมจะยังไม่วางมือง่ายๆ และผมได้วางแผนสำหรับอนาคตของทีมไว้เรียบร้อยแล้ว"
...
การสร้างกระดูกสันหลังขึ้นใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นรากฐานความสำเร็จที่ยาวนานและมั่นคง เพราะฉะนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญคงจะเป็นเรื่องที่ว่า พวกคุณซึ่งเรียกตัวเองว่าแฟนพันธุ์แท้ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยอมรับได้แค่ไหน หากการปรับแต่งคราวนี้ เป็นสิ่งที่ต้องทำโดยหวังผลเอาที่ความสำเร็จในอนาคตไม่ใช่ผลงานเปรี้ยงปร้างในบัดดลที่หลายๆคนต้องการ...
[/b]





</center>


