ตอน คนมันจะเกิดแม้จะยิงบอลอัดหน้าตัวเองก็เป็นประตูได้
ผ่านพ้นไปแล้วน่ะครับสำหรับศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ ประจำฤดูกาล 2010/2011 ที่นำเอาแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพซีซั่นล่าสุดอย่างเชลซี มาปะฉะดะกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีดีกรีเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์ลีกคัพ
ใครที่ได้มีโอกาสรับชมการกระซวกแข้งของคู่นี้คงจะได้เห็นเกมการเล่นที่สนุกตื่นเต้นตั้งแต่ต้น เพราะทั้งสองทีมมาเล่นแบบไม่ต้องดูเชิงบอลอะไรกันมาก เปิดฉากมาถึงก็ล่อเอาๆกันเลย แม้ตอนจบเกมจะมีฝั่งที่มันส์สะใจอยู่ฝ่ายเดียวก็ตามที
ไลน์อัพของทั้งสองทีมในเกมนี้ถือได้ว่าค่อนข้างฟูลทีมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฝั่งสิงโตน้ำเงินครามขาดไปเพียง ปีเตอร์ เช็ก ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ความฟิตเป็นได้เพียงแค่ตัวสำรอง ขณะที่ฝั่งปีศาจแดงส่ง จอนนี่ อีแวนส์ ลงยืนเซ็นเตอร์คู่กับ เนมันย่า วิดิช แทนที่ของ ริโอเฟอร์ดินานด์ ที่ยังเจ็บอยู่ แบ็กซ้ายเมื่อ ปาทริซ เอฟร่า ยังไม่ฟิตก็เป็นโอกาสให้ ฟาบิโอ ดา ซิลวา ลงรักษาราชการแทน ส่วน ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ข่าวตอนแรกออกมาว่าเจ็บก็ได้ลงสนามด้วย เห็นว่าตอนซ้อมเจ้าตัวไปบอกกับป๋าว่าเอานะ พร้อมทำจมูกบานเข้าบานออกอย่างกับกระทิงเปลี่ยวอันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความฟิตและกระหาย สุดท้ายเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจป๋าก็เลยจัดให้ โดยปล่อยดาวเตะที่สาวกเร้ดอาร์มี่อยากเห็นฟอร์มมากที่สุดตอนนี้อย่าง ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดซ ไว้อยู่ข้างสนาม
รูปเกมในครึ่งแรกถือว่าเป็นเกมที่สนุกทีเดียว เพราะทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างน่าดูชม โอกาสของฝั่งผีแดงดูจะเหลื่อมกว่าหน่อย แต่เชลซีก็ตอบกลับได้เจ็บๆและจะแจ้งกว่า อย่างจังหวะที่ นิโกล่าส์ อเนลก้า ส่องไกลนอกกรอบเขตโทษให้ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องพุ่งเซฟทำให้บอลกระฉอกออกมาเข้าทาง ซาโลมง กาลู ได้ตามซ้ำแต่ไม่ตรงกรอบ หรือจะเป็นตอนที่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้ขึ้นโขกลูกฟรีคิกที่ทำให้ น้าซาร์ ถึงกับผวาจนต้องปัดออกหลัง
แต่แล้วก่อนจบครึ่งแรกเพียงไม่กี่นาที แมนฯยูก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการประสานงานของทีมเวิร์คที่นำโดย พอล สโคลส์ ซึ่งโยนบอลไปทางริมเส้นฝั่งขวาให้กับ เวย์น รูนี่ย์ ก่อนที่จะตวัดบอลจังหวะแรกเข้าไปให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย วิ่งสอดขึ้นมาแปผ่านตัวของ ฮิลาร์ริโอ เข้าไปตุงตาข่ายเรียกเสียงเฮจากสาวกเร้ดเดวิลส์ที่อยู่ในสนามเวมบลีย์ได้อย่างกึกก้อง
เข้าสู่เกมในครึ่งหลัง ป๋าก็ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น 3 ตัวรวด โดยให้ หลุยส์ นานี่ แทน ปาร์ค จี ซุง, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แทน ไมเคิ่ล โอเว่น และ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ แทน เวย์น รูนี่ย์ นัยว่าเป็นการเซฟสภาพร่างกายของตัวผู้เล่นไปในตัว
และต้องบอกว่าเกมในช่วงแรกของครึ่งหลังเป็นของเชลซีค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่ข้ามคานหลุดเสาก็มีงานให้ น้าซาร์ ได้ออกแรงอยู่ตลอด ขณะที่แมนฯยูก็อาศัยการวางบอลยาวที่แม่นยำของ สโคลส์ บวกกับความจี๊ดจ๊าดของเจ้าหนูชิชาริโต้ในการตอบโต้
ที่สุดแล้วเมื่อถึงเวลาคนมันจะดังอะไรก็หยุดไม่ได้ จากจังหวะที่ วาเลนเซีย ได้ครองบอลทางริมเส้นฝั่งขวาและมีเวลาเหลือเฟือที่จะครีเอทลูกเปิดว่าจะเอาแบบไหนดี ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดบอลปาดหน้าประตูไปเสาสอง และเป็น ชิชาริโต้ ที่พุ่งเข้ามาล้มตัวยิงด้วยขวา แต่บอลดันพุ่งไปกระแทกหน้าตัวเองก่อนเข้าประตูไปแบบอย่างฮา ให้ผีแดงนำห่าง 2-0
หลังจากนั้นก็เป็นโอกาสของตัวสำรองดาวรุ่งฝั่งเชลซีบ้าง เมื่อ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หลุดไปดวลเดี่ยวๆกับ น้าซาร์ แต่ทว่าดันยิงไปติดเซฟเสียได้
อย่างไรก็ดีความพยายามของเชลซีก็มาประสบผล เมื่อมาได้ลูกตีไข่แตกจากจังหวะที่ กาลู ได้ซ้ำลูกดาบสองหลัง น้าซาร์ ปัดลูกยิงไกลมาเข้าทาง ลูกนี้เรียกความกังวลใจให้กองเชียร์ผีแดงได้เหมือนกัน หลังโดนเชลซีบดกดดันเข้าอย่างหนักหน่วง
แต่แมนฯยูก็มาปิดเกมคว้าแชมป์ได้อย่างงดงาม จากจังหวะที่ นานี่ จ่ายบอลทะลุช่องให้กับ ดิ อาทเมคเกอร์เบอร์บาตอฟ สอดขึ้นไปกระดกบอลข้ามหัว ฮิลาร์ริโอ ที่พุ่งออกมาไกลเข้าประตูไปอย่างคลาสสิคและงดงาม
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 เชลซี
หลังเกม คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือสิงโตน้ำเงินครามออกมาให้สัมภาษณ์โดยชี้ว่าการเล่นที่ช้าเกินไปของนักเตะเชลซีและการเสียประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก่อนหมดครึ่งแรก คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมพุ่งเข้าชนความหายนะในเกมนี้
ขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือปีศาจแดง ก็คึกจัดประกาศทวงคืนเขาพระวิหารจากกัมพูชา แฮ่ะๆ อันนี้มันของพันธมิตรแล้ว ที่จริงคือป๋าขอทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกคืนจากเชลซี หลังคว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์มาครองได้
เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ คุณก็ต้องทำมันให้ได้ในปีต่อไป นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมของวงการฟุตบอล เพราะคุณจะมีปีหน้าให้ได้ลุ้นอยู่เสมอ ป๋าก็พูดประมาณนี้แหล่ะ
ที่สำคัญ ป๋าเฟอร์กี้ ยังถือโอกาสนี้ในการตอกกลับการแสดงทัศนะก่อนหน้าเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ของ แกรี่ ลินิเกอร์ ที่มาบอกว่า You Can't Win Anything With old men"
โดย มร.ไนซ์กาย ตั้งคำถามว่า พวกเขา(แมนฯยู)จะทำให้ดีขึ้นกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วหรือเปล่า? ดูแล้วไม่น่าจะทำได้" ทั้งนี้ ลินิเกอร์ เชื่อว่าผู้เล่นตัวหลักของแมนฯยูที่มีอายุมากขึ้นจะเป็นอุปสรรคในการคว้าแชมป์ลีกในซีซั่นนี้
แต่ ป๋าเฟอร์กี้ ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ ด้วยการคว่ำเชลซีมาสดๆร้อนๆแถมตัวเก๋าอย่าง สโคลส์ โชว์ฟอร์มเด่นจนได้รับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมทช์ กลับบอกว่า ศูนย์กลางของทีมนะอยู่ที่นักเตะประสบการณ์สูงอย่าง วิดิช, สโคลส์ และกิ๊กส์ พวกเขาช่วยเพื่อนที่เหลือได้เยอะเลยทีเดียว
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าประเด็นนี้ใครจะผิดจะถูก จะแม่นหรือไม่แม่น ของอย่างนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แล้วเราจะได้ทราบกันว่าเมื่อจบฤดูกาลนี้จะมีกูรูขั้นเทพดวงตาเห็นจริงเพิ่มขึ้นมาอีกคน หรือจะมีคนเสียหมาเหมือน อลัน แฮนเซ่น เพิ่มขึ้นมาอีกรายกันแน่
แต่ที่แน่ๆสิ่งที่ได้รับรู้จากเกมนี้ของฝั่งเชลซี คือ ถ้านายโกล์ไม่ใช่ ปีเตอร์ เช็ค ก็มีหวังได้เสียวไปตลอดเกมแน่ๆ ในเมื่อฟอร์มของทั้ง ฮิราร์ลิโอ และ รอสส์ เทิร์นบูลล์ ช่างไม่น่าไว้วางใจเลย มีช็อตหลุดช็อตรั่วให้เห็นกันตลอดตั้งแต่ช่วงอุ่นเครื่องแล้ว วันนี้เลยมีข่าวออกมาว่าทีมกำลังให้ความสนใจในตัวดาวรุ่งตัวเทพในเกมFM อย่าง อัสเมียร์ เบโกวิช ของสโต๊คมาประจำการเป็นมือ 2 แทน
ส่วนเรื่องดีๆก็อย่างเช่นฟอร์มของ สเตอร์ริดจ์ กองหน้าดาวรุ่งที่ได้ฟรีมาจากแมนฯซิตี้นั้นเอง เพราะเป็นศูนย์หน้าที่มีสปีดต้นรวดเร็วสะใจจริงๆ แถมยังแฝงไปด้วยความถึกถุยในสไตล์ดร็อกบา อีกต่างหาก นี้ถ้าปรับปรุงเรื่องการเล่นเป็นทีมให้ดีกว่านี้จะมีประโยชน์กับทีมในฐานะตัวโจ๊กเกอร์ได้มากเลยทีเดียว
ข้ามมาที่ฝั่งของแมนฯยู เห็นฟอร์มเซฟที่ยังเหนียวหนึบประดุจเป็นญาติตุ๊กแกที่ไม่ใช่ตุ๊กกี้ของ น้าซาร์ เชื่อเหลือเกินว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์ได้ตลอดทั้งซีซั่นแน่ ขณะที่ฟอร์มของ อีแวนส์ ก็แทบทำให้ทุกคนลืมชื่อของ ริโอ ไปเลยทีเดียว เพราะเล่นได้เนียนตาเหลือเกินแม้ช่วงท้ายเกมจะต้องไปเล่นเป็นแบ็กซ้ายก็ไม่ได้ทำตัวให้เป็นปัญหาของทีมเลย ส่วน ฟาบิโอ ก็สอบผ่านในฐานะแบ็กซ้ายเบอร์ 2 ต่อจากเอฟร่า โดยที่ทีมไม่ต้องไปสรรหาใครมาเสริมในแนวรับอีก ด้าน สโคลส์ แม้ความเร็วจะถูกกาลเวลาพรากไปก็จริงแต่ความแม่นยำในการวางบอลที่สร้างชื่อมาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยตกไปเลย แถมการเล่นบอลง่ายๆไม่กี่จังหวะก็ทำให้เกมแดนกลางของทีมไม่เสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามเลย
สุดท้ายคือเรื่องของ ชิชาริโต้ หนุ่มน้อยหน้ามนจากแดนจังโก้ ที่ประเดิมแมทช์อย่างเป็นทางการกับต้นสังกัดได้อย่างสวยหรู เมื่อใช้โอกาสในครึ่งหลังปั่นป่วนแนวรับของเชลซีได้ค่อนข้างดี ด้วยความที่มีทักษะที่สูงแต่ชอบเล่นบอลง่ายๆ ไม่หวงบอล ทำให้คู่ต่อสู้รับมือค่อนข้างยาก เพราะแม้จะมีรูปร่างเล็กสูงเพียง 172 เซนติเมตร แต่ก็ได้สปีดต้นอันรวดเร็วมาแทนที่ ที่สำคัญคือเห็นได้ชัดเลยว่า เจ้าถั่วน้อย มันมีราศีของคนจะดังจริงๆ คนบ้าอะไรไม่รู้ ยิงบอลอัดหน้าตัวเองก็เป็นประตูได้ อิอิอิ








ประทับใจเลย








