ครั้งล่าสุดที่ผมใช้นิ้วอวบๆ กระแทกแป้นพิมพ์ส่งมายังที่นี่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องย้อนไปถึงเดือนกันยายนโน่นครับ หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในศึกแดงเดือด โดยพ่อยอดขมองอิ่ม ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ระเบิดแฮตทริก
นับตั้งแต่นั้น ผมก็แอบเงียบหายไปพร้อมๆ กับพี่ "เบิร์บ"... แฮ่
กระทั่งเพชฆาตบัลแกเรี่ยน กะซวกตาข่ายได้ระเบิดเถิดเทิงอีกครั้ง ผมก็เลยขออนุญาติชวนตัวเองกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งนะครับ เพราะอารมณ์ดีมันพวยพุ่งแบบว่า อยากเขียนครับ อยากเขียน ฮ่า ฮ่า
แต่ผมเชื่อนะครับว่า น่าจะมีคนอารมณ์ดีกว่าผมอีก
อ้อ ก่อนจะเริ่มต้น ขออนุญาติร้องเพลงแฮ็ปปี้เบิร์ธเดย์ให้คุณน้า ไรอัน กิ๊กส์ ที่เพิ่งอายุครบ 37 ขวบหมาดๆ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก่อนนะครับ
ขอให้อยู่เป็นมิ่งขวัญสโมสรนานๆ จนขนหน้าอกหงอกหรือร่วงไปเลยเด้!
กลับมาที่เรื่องของคนอารมณ์ดีอีกครั้ง
จะใครเสียอีกเล่า ถ้าไม่ใช่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บุรุษที่น่าจะอารมณ์ดีที่สุดในโลก
ถามว่า ทำไม?
อารมณ์ดี เพราะมีความสุข ไม่มีทุกข์ จะไม่ให้สุขได้อย่างไร... โหย ถ้าตอบแบบนี้ เดี๋ยวผมเรียนเชิญพี่สามารถ มาเตะหน้า (3 แต้ม) โดยไม่ต้องรอให้โค้ชเช มาประท้วงดีกว่าครับ
ที่ทำให้ "ป๋า" อารมณ์ดีคือผลงานของทีมในคอนโทรลของตัวเองต่างหาก
ชัยชนะถล่มทลายทะลุ 7-1 เหนือ แบล็คเบิร์น เมื่อวันเสาร์ เท่ากับว่า สถิติไร้พ่ายของ ยูไนเต็ด ยืดยาวไปเป็น 29 นัดรวมทุกถ้วยแล้ว แถมยังยันให้สโมสร ยืนตระหง่านท้าทายพายุหิมะในอังกฤษ บนจุดสูงสุดของตารางพรีเมียร์ลีกอีกด้วย
นี่ยังไม่นับว่า พวกเขาได้สร้างสถิติไม่รู้จักคำว่าแพ้ในพรีเมียร์ลีกนานที่สุดให้กับสโมสรอีกนะเนี่ย
จะว่าไปแล้ว การระเบิดฟอร์มของ เบอร์บาตอฟ บ่งบอกถึงสถานการณ์ของ ยูไนเต็ด ได้ดีเหมือนกันนะครับ
อาจมีขลุกขลักหรือไม่สะดวกบ้าง เหมือนอย่างที่ "เบิร์บ" พบว่า ตัวเองไม่มีชื่อแม้แต่บนม้านั่งสำรองในเกมกับ วีแกน ก่อนหน้านี้
แต่แล้วจู่ๆ เรื่องดีๆ ก็ประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลาแค่ 90 นาที
จากกองหน้าที่ถูกมองว่ายิงเป็นหมีแพนด้า (ช่วง ช่วง) แต่จู่ๆ พี่ "เบิร์บ" ก็ล่อซะห้าเม็ดเป็น "Five Star Production" จนผงาดพรวดขึ้นนำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
ขณะที่ อะไรๆ ก็เป็นใจให้ ยูไนเต็ด เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวย์น รูนี่ย์ ที่เหมือนจะค้นหาตะเองเจอซะที
แหม่... ทั้ง "D"imitar และ "R"ooney เข้าฝักแบบนี้ จะไม่ให้ "ป๋า" R-รมณ์-D ได้อย่างไร... ชิมิ
ขณะเดียวกัน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็คืนความแกร่งแบบที่ควรจะเป็น หรือแม้แต่ อันแดร์สัน ที่มีข่าวเตรียมถูกโละจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนหน้านี้ ก็กลายเป็นตัวขับเคลื่อนทีมในเกมกับ แบล็คเบิร์น จนออร่าเปล่งปลั่งเป็นประกายระยิบระยับจับตา
เมื่อทุกอย่างมาพร้อมกันเช่นนี้ เลยทำให้ "ปีศาจแดง" กลายร่างเป็นภูตผีร้ายที่หยิบสามง่ามคมกริบพร้อมกะซวกแทงคู่ต่อสู้ให้เลือดสีแดงฉานไหลทะลักเป็นลิ่มๆ ด้วยเกมรุกระดับซอยยิกๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกครั้ง
"เฟอร์กี้" และผู้ให้การสนับสนุน ยังฉีกยิ้มให้กว้างขึ้นไปอีกเมื่อเหลือบไปเป็นผลการแข่งขันของคู่อื่นๆ
อริร่วมเมืองอย่าง ซิตี้ โดน สโต๊ค ปุ้งตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนที่อีกราว 24 ชั่วโมงให้หลัง เชลซี จะทำได้แค่เสมอที่ นิวคาสเซิ่ล และ ลิเวอร์พูล ก็ถูกแซงเข้าป้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ (เจ็บจริงๆ) ที่ สเปอร์ส
เพลานี้ บางที แกกำลังอาจจิบไวน์รสละมุน ขณะที่จิตคิดไปถึงเกมแดงเดือดเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ กับ ลิเวอร์พูล ที่ "โรงละครแห่งความฝัน" ในเดือนหน้า ซึ่งแกจะอายุครบ 69 ปีพอดิบพอดี
ชีวิตของ "ป๋า" ไม่มีอะไรมากหรอกครับ นอกจากฟุตบอล
เมื่อสัปดาห์ก่อน แกเพิ่งให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการล้างมือในอ่างทองคำว่า "เรื่องเกษียณ มันเป็นเรื่องของคนหนุ่ม ผมแก่เกินกว่านั้นแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่า ถ้าเลิกแล้วจะไปทำอะไรต่อดี"
แค่ขยับปากพ่นประโยคนี้ ทำเอาศัตรูหลายชีวิตที่รอวันเธอเลิก สั่นสะท้านไปมิใช่น้อยเลยนะครับ
หลายครั้งหลายคราที่ "เฟอร์กี้" ถูกคาดหมายว่า จะอำลาวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ ยูไนเต็ด ออกอาการแผ่ว เหมือนตอนฤดูกาล 2004-2005
ครานั้น เชลซี จากการทำงานของ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นแชมป์โดยโกยแต้มเข้ากระเป๋าถึง 95 คะแนน ทิ้งห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้วมเตี้ยมอยู่อันดับสามถึง 18 แต้ม
แต่ "ป๋า" ยังแสดงให้เห็นถึงเลือดนักสู้เฒ่าผู้ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา เมื่อพา ยูไนเต็ด ลุกขึ้นมากวาดแชมป์เข้าตู้โชว์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สามปีติดต่อกัน ราดด้วยท็อปปิ้งหวานชุ่มฉ่ำอย่างถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก
แม้ปีที่แล้ว จะอดทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสี่สมัย แต่ก็ตามหายใจรดต้นขา เชลซี เพียงแต้มเดียวที่กางกั้น
ส่วนเพลานี้ ไม่เพียงแต่ ยูไนเต็ด จะนำเป็นจ่าฝูง แต่แก๊งลูกป๋า ยังการันตีการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก เรียบร้อยแล้วด้วย
ปีนี้ ผมว่านอกจากจะแสดงให้เห็นถึงฝีมือที่ไม่ธรรมดาแล้ว "ป๋า" ยังใช้โชว์ทักษะการใช้ฝีปากที่ร้ายกาจให้เราได้ชมเป็นขวัญตาด้วยนะครับ
ทั้งกล่อมเอ่เอ๊ให้ รูนี่ย์ ยูเทิร์นกลับมาต่อสัญญายาว, เชียร์อัพให้ ไรอัน กิ๊กส์ รวมถึง พอล สโคลส์ และ เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ยอมเป็นกำลังหลักของทีมต่อ ในยามที่ทีมเป็นหนี้มหาศาลจนไม่มีงบประมาณไปซื้อใครแพงๆ
สถานการณ์ด้านการเงินดูคลี่คลายในเวลานี้ เมื่อพวกเกลเซอร์ เอาเงิน 200 ล้านปอนด์ไปชำระหนี้ ขณะที่ รูนี่ย์ ตัดสินใจอยู่ต่อแล้ว พร้อมกับที่ "ป๋า" พอมีตังค์ไปซื้อตัวแทนของ ฟาน เดอร์ ซาร์ อย่าง อันเดอร์ส ลินเดอการ์ด และแย้มๆ ว่า อาจมีมือกาวดีๆ ตามมาอีกในอนาคตอันใกล้
เรามิอาจรู้ได้หรอกนะครับว่า "ป๋า" จะอยู่บนบัลลังก์ไปอีกนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่า แกจะทำงานตรงนี้ต่อไปจวบจนสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย หรือตราบเท่าที่ใจยังมีความสุข
ในเมื่อแกได้เฮ็ดในสิ่งที่ฮัก และฮักในสิ่งที่เฮ็ด... จั่งซี้
หลังจากบุกไปเยือน แบล็คพูล ในสุดสัปดาห์นี้แล้ว "ป๋า" มีคิวนำทีมลงฉะกับ อาร์เซน่อล ในบ้าน ก่อนบุกไปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี ต่อนะครับ
จากนั้น แกก็จะรอชม อาร์เซน่อล เปิดบ้านฟัดกันเองกับ เชลซี ในวันบ๊อกซิ่งเดย์เวอร์ชั่นลอนดอนดาร์บี้
ผมขอถือโอกาสนี้อวยพรล่วงหน้าให้ "ป๋า" จิบไวน์แกล้มเค้กวันฉลองอายุครบ 69 ในค่ำวันสิ้นปีอย่างมีฟามสุขสวดดดยอดไปเลยละกันนะครับ

<center> "เปาผี"</center>
credit: SS









