เกิด 26 พฤษภาคม 1909 ใน Orbiston, Bellshill, Scotland
เสียชีวิต 20 มกราคม 1994 อายุ 84 ปี ที่ Cheadle, Greater Manchester, England
แมตต์ บัสบี้ได้เข้ามาคุมทีมในปี 1945 เขาได้นำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้อย่างรวดเร็ว โดยได้อันดับสองของฟุตบอลลีกในปี 1947 และเป็นชนะเลิศเอฟเอ คัพในปีต่อมา
บัสบี้เป็นคนที่ดึงนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาหลายคน จนได้แชมป์ลีกในปี 1956 ด้วยอายุเฉลี่ยของนักเตะเพียง 22 ปีเท่านั้น ในปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง และยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวโดยการแพ้ต่อแอสตัน วิลล่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่ 2 ของอังกฤษที่ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโรเปียนคัพ และยังได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย
ในปี 1958 ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและทีมงานของสโมสร ที่กลับจากการไปแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้วได้ประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิวนิค หลังจากแวะพักเครื่องบินที่เมืองมิวนิค ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คร่าชีวิตนักเตะของทีมไปถึง 8 คน รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้โดยสารคนอื่นอีก 15 คน รวมเป็น 23 คน หนึ่งในคนที่เสียชีวิตในครั้งนี้ คือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ด นักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงสุดในขณะนั้น จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้คาดว่าจะเป็นจุดตกต่ำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จิมมี เมอร์ฟี ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในช่วงที่บัสบี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ตัวผู้เล่นแก้ขัดไปหลายตำแหน่ง แต่ทีมก็ยังสามารถเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้พ่ายต่อโบลตันทำให้ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น
หลังจากรักษาตัวเองแล้ว บัสบี้ได้ปรับปรุงทีมในช่วงต้นของทศวรรษ 60 โดยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะอย่าง เดนิส ลอว์ กับ แพท ครีแลนด์มาเสริมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพในปี 1963 และได้แชมป์ฟุตบอลลีกในปี 1965 และ 1967 นอกจากนี้ ยังได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นสโมสรแรกของอังกฤษในปี 1968 ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียง 10 ปี เท่านั้นหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่มิวนิค ที่ทำให้ทีมต้องสูญเสียผู้เล่นตัวหลักไปถึง 8 คน และจากความยอดเยี่ยมของทีมชุดนี้ ทำให้มีนักเตะ 3 คนด้วยกัน ที่สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป (บัลลงค์ดอร์) ได้แก่ บอบบี ชาร์ลตันได้รับในปี 1966 หลังจากพาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเค้า คนที่สองคือ เดนิส ลอว์ ได้รับรางวัลในปี 1967 หลังจากโชว์ฟอร์มพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกได้ในปีนั้น และ จอร์จ เบสต์ได้รับรางวัลในปี 1968 หลังจากโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นครั้งแรกของสโมสรและครั้งแรกของอังกฤษ
บัสบีได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในปี 1969 โดยมีวิฟ แมคกินเนสโค้ชทีมสำรองทำหน้าที่แทน เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในขณะอายุ 84 ปี
เซอร์แมตต์และลูกทีมก่อนป้องกันแชมป์สำเร็จในฤดูกาล 1956-57
นั่งดูการซ้อมในช่วงอุ่นเครื่องปี 1967 และวุ่นวายกับจดหมายจากแฟนบอล
ในยุค 1950 นักเตะแต่งตัวแบบนี้มารายงานตัวกันครบทีม
ไปฟังคำตัดสินของสมาคมฟุตบอลในการให้จอร์จ เบสต์เทพบุตรสุดดื้อออกจากการแข่งขันกับเชลซี และห้องทำงานเซอร์แมตต์ในฤดูกาล 1957-58 ถ้วยแชมเปี้ยนชิพ ลีกตั้งอยู่บนโต๊ะ
ภาพจากช่วงหลุดพ้นจากประตูมรณะกลับมาเป็นจ้าวแห่งยุโรป

สภาพของเซอร์แมตต์หลังจากนอนบาดเจ็บสาหัสสองเดือนจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มิวนิกในปี 1958 รีบย่องแย่งกลับมาทำทีมใหม่อีกครั้ง
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง เซอร์แมตต์ปลุกใจ ให้สติลูกทีมช่วงพักก่อนต่อเวลาแข่งขันยูโรเปียน คัพกับเบนฟิก้าในปี 1968

วันแสนสุขกับถ้วยยูโรเปียน คัพที่แสนภูมิใจ
ความสนิทสนมระหว่างผู้จัดการทีมในอดีตและปัจจุบัน ด้วยความรู้สึกนึกคิดที่ไปด้วยกันได้ ภาพนี้ถ่ายในปี 1991
ขอบคุณภาพและข้มูลจาก http://www.soccersuck.com

