
2 ประตูที่ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ซัดช่วยให้ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มเอาชนะ วีแกน แอธเลติก ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา และเขาถือเป็นปัจจัยพิเศษที่ช่วยให้ทีมปีศาจแดงสู่ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้
"เจ้าถั่วน้อย" หรือ ชิชาริโต้ วัย 22 ปี กลับขึ้นมาเป็นตัวจริงให้กับทีมอีกครั้ง และช่วยซัด 2 ประตูให้ทีม ปีศาจแดงถล่มชนะ วีแกน ไป 4-0 ถึงที่สนาม ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม ขณะที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวซัลโวประจำทีมเจ้าของสถิติ 19 ประตู ยังคงนำเป็นดาวซัลโวของลีกต่อไป
ดาวยิงชาว เม็กซิกัน ยิงให้ทีมไปแล้ว 13 ประตูจากในทุกถ้วย และนับเป็นการเติมเต็มให้กับทีมอย่างยิ่ง หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาที่พวกเขาพลาดในการคว้าตำแหน่งแชมป์ ภายหลังการจากไปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ การ์ลอส เตเบซ ทำให้ภาระในการทำสกอร์ตกอยู่บนบ่าของ เวย์น รูนี่ย์ แต่เพียงผู้เดียว และทำให้ เชลซี เฉือนตัดหน้าซิวตำแหน่งแชมป์ไปเพียงแค่แต้มเดียว
แม้ว่าทีมปีศาจแดงจะมี ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตหัวหอกทีมชาติ อังกฤษ อยู่ในทีมก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อาจตอบสนองความต้องการของ ยูไนเต็ด ได้ทั้งหมด
เฮอร์นานเดซ ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาด้วยการยิงประตูสำคัญๆให้กับทีมหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเกมในบ้านหรือนอกบ้าน โดยเฉพาะการยิงให้ทีมเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ และ เวสต์บรอมวิช ยิงตีเสมอให้ทีมในเกมพลิกกลับมาเอาชนะ แบล็คพูล 3-2 และยิงประตูชัยช่วงนาทีสุดท้ายให้ทีมบุกไปเอาชนะ บาเลนเซีย 1-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก
กับฟอร์มในการทำประตูที่ฝืดลงไปของ รูนีย์ และ เบอร์บาตอฟ ก็ไม่ได้จะฟอร์มเปรี้ยงปร้างเหมือนอย่างที่เคย ทำให้มันกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับทีมปีศาจแดงในการลุ้นแย่งแชมป์ โดยเฉพาะเมื่อทีมนำหน้าทีม อาร์เซน่อล เพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น
หากเปรียบกับทีม เดอะ กันเนอร์ส ในการลุ้นแชมป์ ความสม่ำเสมอของ ชิชาริโต้ กลายเป็นคุณค่าสำคัญที่ได้เปรียบของทีมปีศาจแดง ขณะที่ มารูยาน ชามัคห์ หัวหอกโมร็อคโกของไอ้ปืนโตยิงไปเพียงแค่ 7 ประตูในลีกเท่านั้นในปีนี้ และยิงให้ทีมไม่ได้เลยนับตั้งแต่เกมถล่มชนะ แอสตัน วิลล่า 4-2 เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ด้าน นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หัวหอกเดนมาร์กตัวสำรองก็มีฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ และยิงไปได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้นจาก 10 เกมที่ลงเล่นในฤดูกาลนี้
นักเตะที่ดูจะได้รับการจับตาที่สุดในตำแหน่งกองหน้าก็น่าจะมาจากทีมเพื่อนบ้านอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะมีคะแนนตามหลังทีมปีศาจแดงอยู่ถึง 11 แต้ม แต่พวกเขาก็ยังคงหวังพึ่งพา เตเบซ อดีตหัวหอกของทีมปีศาจแดง
ดาวเตะ อาร์เจนติน่า ยิงไปทั้งสิ้น 18 ประตูในเกมลีก ขณะที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงให้ทีม 5 ประตูเท่านั้น ส่วน เอดิน เซโก้ หัวหอกบอสเนียที่ทีมทุ่มซื้อมาในช่วงมกราคมที่ผ่านมายังไม่สามารถลั่นสกอร์ให้ทีมได้เลย นับตั้งแต่ทีมทุ่มเงินกว่า 30 ล้านยูโรหรือประมาณ 1,200 ล้านบาท และลงเล่นในลีกได้เพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น
เมื่อไร้เงาของ เตเบซ ทีมของ มันชินี่ ดูเหมือนจะมองหาตัวเลือกสำรองที่จะมาแบกรับหน้าที่นี้ไม่ได้ อีกทั้ง เชลซี ก็ตามหลังถึง 15 คะแนน และการที่ ตอร์เรส เจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดของเกาะอังกฤษ ยังลั่นสกอร์ไม่ได้ก็ทำให้ เซโก้ จึงไม่ค่อยถูกเพ่งเล็งเท่าไรนัก
คาร์โล อันเชล็อตติ ยังคงใส่ชื่อดาวยิงชาวสเปน และ นิโกล่าส์ อเนลก้า ลงทำหน้าที่ในแผงหน้า ขณะที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หัวหอก ไอวอรี่ย์ โคสต์ ก็ยังมามีปัญหากับโค้ชอีก หลังปฏิเสธที่จะลงอบอุ่นร่างกายกับเพื่อนร่วมทีมในเกมนัดกลางสัปดาห์ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ เอฟซี โคเปนเฮเก้น
จากหลายๆเหตุผลที่เข้ามา มันดูเหมือนจะไม่มีอุปสรรคอะไรขวางกั้นทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคว้าตำแหน่งแชมป์ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อมี ชิชาริโต้ อยู่ในทีมด้วยแล้ว
*********************
สถิติดาวยิงตัวสำรอง
ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 17 นัด 9 ประตู 1 แอสซิสต์
มารูยาน ชามัคห์ (อาร์เซน่อล) 22 นัด 7 ประตู 2 แอสซิสต์
มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 9 นัด 5 ประตู 0 แอสซิสต์
*********************
Thank SiamSport

















