เขียนเป็น: สวัสดีค่ะพี่ หนู "เรยา" เองค่ะ ก่อนอื่นขอระบายเล็กน้อยนะคะ คือไม่เข้าใจค่ะว่าประเทศชาติมันจะดัดจริตศพหมาซากอ้อยหอยขมกับเรื่องของหนูไปถึงไหน
กู เอ๊ย! หนูไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านบนฮวงซุ้ยอาว์อึ้มใครสักหน่อย ถ้าเด็กๆ และเยาวชนประเทศนี้มันดูละครแล้วเสือกเกิดอารมณ์อยากเป็น "เมียน้อย" เหมือนหนูก็ช่างหัวเด็กๆ และเยาวชนมันเถอะค่า อย่าทำเป็นผู้มีจริยธรรมสูงส่งแบบเต็มประดากันให้มากนักเลย ถ้าผู้ปกครองไม่มีปัญญาสั่งสอนลูกหลานของตัวเองให้รู้จักคิด, วิเคราะห์ และแยกแยะ ตามหลัก...คอ...วอ...เอ่อ..อ..อ...ตามหลัก...ตามหลักอะไรก็ช่างมันเถอะนะคะ ที่แน่ๆ คือถ้าเด็กมันทำตัวสารเลวชั่วช้าและหน้าหมาเหมือนหนู มันก็ต้องโทษตัวผู้ปกครองเองนั่นแหละ โทษฐานสั่งสอนลูกหลานตัวเองอย่างไรให้เป็นควาย ใครจะสนตะพายจูงจมูกไปไหนก็ได้
อย่าไปโยนความผิดให้ละครเลยค่ะ ดูอย่าง "คุณใหญ่" สามีของหนูซิคะ แกดูหนังอีโรติกระดับฮาร์ดคอร์จากประเทศญี่ปุ่นแทบทุกวัน เวลาไปไหนหนูไม่เห็นคุณใหญ่ (ทุกอย่าง) แกเดินโขยกบั้นเด้าซอยอากาศยิกๆๆๆๆๆ หรือเห็นแกทำหน้าเหมือนแผ่นดีวีดีตรงไหน ที่สำคัญคือคุณใหญ่แกไม่เคยเอาลูกปิงปองมายัดตูดหนูด้วย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ดูเป็นประจำมันไม่มีอิทธิพลรุนแรงต่อชีวิตคนเรามากขนาดนั้นหรอกค่ะ
ว่าแล้วมีข้อสังสัยอยากจะถามคุณพี่สัก 2 ข้อนะคะ คือพี่บู๋มีความเห็นอย่างไรคะที่ เชลซี ได้ 2 ประตูแบบไม่โปร่งใส แถมวันต่อมา "ปีศาจแดง" ดันพลาดท่าพ่ายแพ้ "ปืนโต" ซะอย่างนั้น
เรยา ณ ดอกส้ม
....
ส่งไม่ตาย: สวัสดีค่ะน้อง "เรยา" ก่อนจะตอบข้อสงสัยขอเรียนตามตรงนะครับว่าพี่ไม่ค่อยมีเวลาดูละครเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ เพราะมันตรงกับเวลาทำงาน นานๆ จึงจะเงยหน้าขึ้นไปมองจอโทรทัศน์สักที เงยขึ้นไปทีไรก็รู้สึก "อืมมมมม...นะ" พร้อมกับทำจมูกบานเข้า-บานออก บานเข้า-บานออก บานเข้า-บานออก เหมือนวันก่อนที่พี่ไปงานปาร์ตี้วันเกิดรุ่นน้องระดับกิติมศักดิ์ของตัวเองคนหนึ่ง เจ้าภาพเขาเชิญพวกสาวๆ ข้างบ้าน หรือ "เกิร์ลส์ เน็กซ์ ดอร์" แห่งนิตยสาร FHM ไปร่วมงานด้วยหลายหน่วย ซึ่งขอบอกว่าแต่ละหน่วยนี่เซ็กซ์ๆ ทั้งนั้น นมเป็นนม ตูดเป็นตูด บางคนส่งยิ้มให้ บางคนสบตา และบางคนเข้ามาคุยด้วย เห็นแล้วก็ต้องฮัมเพลงอยากกินตับ ตับ-ตับ-ตับ-ตับ ตับ-ตับ-ตับ-ตับ ปัญหาคือพี่ดันพาภรรยาไปด้วยน่ะสิ พี่ก็เลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่กล้าจำนรรจาด้วยสักเท่าไหร่ เพราะยังไม่อยากตาย! เฮ่อ..อ..อ..คิดแล้วก็อยากวิ่งออกไปกระโดดเตะเสาไฟฟ้าให้ขาหัก 2 ท่อน เพื่อประชดชีวิตพลางตะโกนบอกคนบนฟ้าว่า "ทำไมถึงทำกับกูอย่างนี้!!!"
พูดถึงเรื่องของ "เรยา" พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนั่นแหละครับว่าประเทศชาติเรามันจะปัญญาอ่อนไปถึงไหน ถ้าเด็กๆ และเยาวชนของชาติมันดูละครมากเกินไปแล้วเสือกถูกด้านมืดเข้าครอบงำจนกลายเป็นคนไร้คุณภาพ มันก็ต้องโทษสถาบันครอบครัวเป็นอันดับแรก ยกตัวอย่างไอ้พวกเกรียนขั้นเทพที่ชอบเข้ามาแสดงความเห็นโง่ๆ ต่อท้ายคอลัมน์นี้เป็นประจำ (ประเภทพิมพ์ความเห็นว่า "เปรตแดงกาก" แล้วลงทุนกด "ชอบ" ให้ตัวเองกว่า 5,000 ครั้ง เพื่อให้ความเห็นตัวเองขึ้นอันดับหนึ่ง) มันน่าจะเกิดจากการที่คุณพ่อและคุณแม่ของพวกเขาไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนซะมากกว่า หรือคุณพ่อ-คุณแม่อาจมีเวลาอบรมสั่งสอน แต่มันดันสมองหมาและปัญญาควายมากเกินกว่าจะเข้าใจและจดจำ อย่าลืมว่าการคลอดออกมาทางทวารหนักมารดาส่งผลให้เด็กๆ และเยาวชนประเภทนี้มีสารปนเปื้อนติดสมองมากเกินกว่าทางการกำหนด
โง่แล้วยังชอบอวดฉลาดแบบนี้คงมิได้เกิดจากการดูหนังหรือดูละครมากเกินไปแน่นอน
ความจริงชีวิตของ "เรยา" แม้จะค่อนข้างล่อแหลมและหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอันดีงาม กระนั้นยังให้ข้อคิดชาวบ้านมากมายก่ายกอง อย่างน้อยท่านผู้ชมทางบ้านก็ไม่เคยเห็นเธอมีความสุขสักเท่าไหร่กับสถานะที่ตัวเองเป็นอยู่ นอกจากทำตาร้อนจ้องแต่จะจ้วงไปวันๆ
ทีนี้มาถึงชัยชนะแบบไม่โปร่งใสของ เชลซี เรียนตามตรงว่าอารมณ์นั้นพี่มีความรู้สึกอยากจะเอาธงที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้สะบัด (แบบสั่นสะเทือนได้) ยัดเข้าไปทางรูดากส์ของไลน์แมนทั้ง 2 ท่านแล้วหมุนควงสว่านพลางชักเข้าชักออกด้วยความเร็วสูงให้สาสมกับความห่วยแตก
ประตูตีเสมอของ เชลซี เข้าใจครับว่าคุณพี่ผู้กำกับเส้นยืนอยู่ในไลน์เดียวกับกองหลังคนสุดท้ายของ สเปอร์ส แถม แฟรงค์ แลมพาร์ด ดันสับไกยิงจากระยะ 30 หลาโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้า ส่งผลให้คุณพี่ผู้กำกับวิ่งลงมาไม่ทันอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อมุมมองของมึงไม่ชัดเจน ถามว่ามึงแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกมันเลยเส้นประตูไปแล้วทั้งใบ???
ประตูชัยของ เชลซี ก็เช่นกันที่ไม่จำเป็นต้องดูจากภาพรีเพลย์เลยครับ คือดูด้วยตาเปล่าก็สามารถสันนิษฐานได้เลยว่า ซาโลมง กาลู อาจอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่ทำไมผู้กำกับเส้นถึงไม่ยกธงเหมือนที่เคยทำเป็นนิ่งเฉยในจังหวะหลุดเข้าไปยิงของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จากตำแหน่งล้ำหน้าในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว อันนี้กรุณาคิดเอา
ที่แน่ๆ คนที่น่าโดนลากไปกระทืบที่สุดกลับไม่ใช่ผู้ตัดสินและทีมงาน - เออร์เรลโญ่ โกเมส นายทวารของคลับไก่ต่างหากล่ะครับที่สมควรถูกลากไปกระทืบ เพราะไอ้ลูกนั้นน่ะขอบอกว่าแม่ยายมึงที่บราซิลยังน่าจะเซฟได้เลย
ถ้า โกเมส ไม่พลาดง่ายๆ มันก็คงไม่ต้องเถียงกันให้วุ่นวายแบบนี้
แต่ก็เข้าใจและรับได้นะครับว่าของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร
ครั้งหนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยรอดพ้นจากการเสียประตูทั้งที่ลูกยิงของ เปโดร เมนเดซ มันเลยข้ามเส้นไปแล้วตั้ง 3 ไมล์
อนึ่ง คิดถึงเรื่องพิศดารแบบนี้แล้วก็ให้สงสารน้องไก่อย่างสุดซึ้ง เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เสียประตูบนความเฮงซวย ก่อนหน้านี้ก็เคยซองแตกในเกมพ่าย เรอัล มาดริด แถมยังเคยเอาลูกไปบรรจงวางไว้ให้ นานี่ ยิงประตูพิฆาตตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนความปราชัยของพลพรรคปีศาจแดง
เห็นวิธีการเล่นของพวกลูกป๋าแล้วก็ปวดตับอย่างรุนแรง
อันดับแรกคือความมุ่งมั่นและทุ่มเทนี่สู้ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่ได้เลย
อันดับต่อมาคือไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรนักหนาถึงได้เล่นแบบงอมืองอเท้าซะขนาดนั้น
ครึ่งแรกพลพรรคปืนโตครองบอลบุกอยู่ข้างเดียวก็จริงอยู่ แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าทีมเจ้าบ้านแทบจะไม่มีโอกาสสร้างความหนักใจให้นายทวารรุ่นคุณน้าของปีศาจแดงเลยนะครับ
จังหวะเสียประตู พาร์ค ชี-ซอง ก็ดันชะล่าใจเกินไปหน่อย
นักเตะหน้าพระเอกหนังเกาหลีเสียบอลให้ อารอน แรมซี่ย์ บริเวณกลางสนาม ฉับพลันกัปตันทีมชาติเวลส์ก็แทงลูกให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จู่โจมแบบลอบฆ่า ก่อนตัวเองจะตามขึ้นไปประคอง แทนที่นักเตะพลังหมาตุ๋นจะตามประกบแบบกัดไม่ปล่อยกลับเดินลงมาแบบเหนื่อยๆ ปล่อยให้ อารอน แรมซี่ย์ สับตีนขึ้นมารอรับลูกพลางสับไกยิงแบบโล่งๆ โดยไร้ตัวประกบซะอย่างนั้น
ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือหลังจากเสียประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่า "พวกกูก็บุกเป็นเหมือนกันนะ"
เออ...พวกมึงก็บุกเป็นเหมือนกันนี่หว่า ไอ้ฉิบหาย!! แล้วไม่ทราบจะตั้งรับหาพระแสงจักรวาลสัตว์ประหลาดถล่มโลกอะไรตั้งนานครับ ทำไมไม่คิดขัดขืนเสียตั้งแต่แรก...หรือว่าหมดแรง?
สงสัยปัญหามันอยู่ที่การกรำศึกหนักติดต่อกันเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 นัดนี่แหละครับ
แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องลงเล่นแบบซอยยิกๆๆๆ ไม่หยุดยั้งผิดกับคู่ปรับอย่าง เชลซี และ อาร์เซน่อล ที่ได้พักน่องแบบเต็มๆ ตลอดทั้งสัปดาห์
ก่อนเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี ในวันอาทิตย์หน้าก็มีแมตช์กลางสัปดาห์กับ ชาลเก้ อีกหนึ่งนัด
คู่แข่งจากเยอรมันไม่ใช่ปัญหาในการเข้าชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก หรอกครับ สิ่งที่ทำให้ประสาทแดกส์คือ เชลซี ที่ได้พักมากกว่าต่างหาก
สถานการณ์ของปีศาจแดงจึงจะชักล่อแหลมและหมิ่นเหม่เหมือนเรื่องของ "เรยา" ที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาสังคม แต่ผมก็ยังมั่นใจในตัวป๋าอยู่นะครับ
"บอ.บู๋"
Bbmeetyou@yahoo.com
ขอบคุณเนื้อหา+ข่าว ที่มา: www.siamsport.co.th
ขอบพระคุณจริง ๆ ครับ








