เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด เร้าขุนพล "ปีศาจแดง" ชุดปัจจุบันให้โชว์ฟอร์มแกร่งล้างแค้น บาร์เซโลน่า ในเกมนัดชิงฯ ถ้วยบิ๊กเอียร์ ในปลายเดือนนี้ เพื่อลบคำครหาที่ว่าเป็น "เร้ด เดวิลส์" ชุดที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดได้เพราะโชคช่วย
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมากระตุ้นลูกทีมให้จัดการเก็บชัยชนะเหนือ บาร์เซโลน่า มหาอำนาจลูกหนังแดนกระทิง เพื่อคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง หลังจากถูกค่อนขอดว่ายังเทียบไม่ได้กับ "ปีศาจแดง" หลายๆ ชุดก่อนหน้านี้
"เฟอร์ กี้" วัย 69 ปี ต้องการให้แข้ง "เร้ด เดวิลส์" ลงเล่นแบบทุ่มเทเต็มที่ และทำทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อการขึ้นครองบัลลังก์เจ้ายุโรปเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร ในเกมที่สนามเวมบลีย์ วันที่ 28 พ.ค. นี้ โดยกล่าวว่า "การเอาชนะ บาร์เซโลน่า ได้นั้นจะเป็นการยุติข้อโต้เถียงถึงความแข็งแกร่งของทีมชุดนี้อย่างแท้จริง ซึ่งมันเป็นความท้าทายของพวกเขาที่ เวมบลีย์"
"ผมรู้ว่าเรา จะพบกับทีมที่มหัศจรรย์ แต่คุณจะกาชื่อเราทิ้งในเกมใหญ่ๆ แบบนี้หรือ ผมไม่คิดว่าคุณจะทำนะ เรามักจะทำได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดชิงฯ มันไม่มีอะไรผิดในการยอมรับคำท้า เพราะว่าเราถนัดกับมันอยู่แล้ว มันไม่ใช่ประเด็นว่าคำท้านั้นจะมาจากไหน คุณก็แค่ลุกขึ้นรับมัน และทีมนี้จะไม่มีทางยอมแพ้เนื่องจากพวกเขามีคุณภาพที่สุดยอด" เซอร์ อเล็กซ์ กล่าว
นอกจากนี้ บรมกุนซือเลือดสกอตต์ ยังเอ่ยถึงทีมชุดที่ดีที่สุดของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับทีมชุดปัจจุบัน "มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดว่าทีมชุดปัจจุบันอยู่ในระดับไหนเพราะว่าเรามีทีม ที่สุดยอดมากมายในสโมสรนี้ ทีมชุดดับเบิ้ลแชมป์ ปี 1994 และ ทีมชุดทริปเปิ้ลแชมป์ ปี 1999 เป็นทีมที่โดดเด่นที่สุด แต่ทุกทีมที่เราสร้างขึ้นมาก็เพื่อที่จะท้าทายความสำเร็จซึ่งก็คือการคว้า แชมป์ต่างๆอยู่แล้ว"
"สำหรับนักเตะหนุ่มๆ บางคนของ ยูไนเต็ด อย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์รอน กิ๊บสัน และ คริส สมอลลิ่ง แชมป์นี้นับเป็นโทรฟี่แรกของพวกเขา และมันจะเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาเดินหน้าไปด้วยความมุ่งมั่น และตระหนักถึงหน้าที่ของการเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
พร้อม กันนี้ นายใหญ่จอมเก๋า ยังยกย่องคู่กองหน้าของทีมอย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ และ เวย์น รูนี่ย์ ว่ามีศักยภาพพอที่จะปั่นป่วนแนวรับของทุกทีมในโลกได้ โดยจะเห็นได้จากการประสานงานสุดมหัศจรรย์ในเกมที่ "ปีศาจแดง" เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เชือด เชลซี 2-1 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา
"เวย์ น รูนี่ย์ และ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ จะแสดงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมออกมาเมื่อต้องเผชิญกับทุกๆ คนที่ขวางทาง คุณได้เห็นแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนในเกมกับ เชลซี ซึ่งเป็นเกมสำคัญมาก พวกเขาเป็นแชมป์เก่า และเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกของเรามาตลอด 6 ปีหลังสุด นั่นเป็นผลงานที่คุณได้เห็นจากพวกเขาทั้งคู่"
"เอ ร์นานเดซ เป็นเด็กหนุ่มที่อุทิศตัวเพื่อฟุตบอลโดยที่ต้องเจอกับความท้าทายมากมายในฤดู กาลนี้ เขาเป็นตัวอันตรายเสมอ เขามักจะหาทางวิ่งผ่านกองหลังโดยให้พวกเขาต้องหันหลังกลับเพื่อวิ่งเข้าหา ประตู ซึ่งมันเป็นความสามารถชั้นเยี่ยมของเขา" อดีตกุนซือ อเบอร์ดีน กล่าวทิ้งท้าย
ซันตีคะแนนฟอร์มการเล่นแข้งผีตลอดฤดูกาล
The Sun สื่อจอมเสี้ยมของประเทศอังกฤษ ลงคะแนนให้เหล่าพลพรรคแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตลอดทั้งฤดูกาลนี้ โดยแยกเป็นรายบุคคล ซึ่งคนที่ได้คะแนนมากที่สุดหนีไม่พ้น...
เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ : ผู้รักษาประตูร่างโย่งรายนี้ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับทุกๆฤดูกาลที่ผ่านมา (9 คะแนน)
ราฟาเอล : เป็นคำตอบตัวแทนของการแขวนสตั๊ดของแกรี่ เนวิลล์ เล่นเกมส์รับได้ดีและมีเกมส์รุกที่ยอดเยี่ยม (7 คะแนน)
ฟาบิโอ : คุณคงไม่สามารถมองออกได้ว่าเขากับคู่แฝดใครคือคนไหน และเช่นกันฟอร์มการเล่นในสนามก็เป็นแบบนั้น (7 คะแนน)
จอห์นนี่ อีแวนส์ : อนาคตของเขากับทีมดูจะมีปัญหาหลังจบเกมส์คาร์ลิ่ง คัพที่พ่ายเวสต์แฮมไป 4-0 แต่ช่วงหลังๆดูจะนิ่งมากขึ้น (6 คะแนน)
จอห์น โอเชีย : คิดไม่ออกบอกจับฉ่าย (6 คะแนน)
ริโอ เฟอร์ดินานด์ : เมื่อไหร่ที่เขาฟิตสมบูรณ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคงไม่สามารถหาปราการหลังที่อ่านเกมส์ได้ดีกว่าเขาอีกแล้ว (8 คะแนน)
เนมันย่า วิดิช : ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยม พร้อมทั้งเกมส์รับที่แข็งดั่งหิน (8 คะแนน)
คริส สมอลลิ่ง : ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยามได้รับโอกาสลงสนาม (8 คะแนน)
ปาทริซ เอฟร่า : ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขา แต่แบ็คซ้ายคนเดียวที่ทำได้ดีพอๆกับเขาคือแอชลี่ย์ โคล (7 คะแนน)
อันแดร์สัน : ขาดซึ่งความสม่ำเสมอ แต่ในวันที่โชว์ฟอร์มออกก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม (6 คะแนน)
ไรอัน กิ๊กส์ : ยอดเยี่ยมเหมือนทุกๆครั้ง โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นในการเจอกับเชลซีฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกทั้ง 2 นัดเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ (9 คะแนน)
ปาร์ค จี-ซอง : ฮีโร่ที่ไม่ได้รับการสรรเสริญมากเท่าที่ควรตัวจริง เป็นมิดฟิลด์พลังไดนาโมในแผงกลางซึ่งสามารถวิ่งไล่นักเตะฝ่ายตรงข้ามได้ทุกๆ ที่และทุกๆเวลา (8 คะแนน)
ไมเคิ่ล คาร์ริค : ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลฟอร์มของเขาสะดุด แต่แฟนบอลก็ยังคงหนุนหลัง และเขาก็ตอบแทนด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล (8 คะแนน)
นานี่ : 10 ประตูของเขาพร้อมกับการจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมกับจำนวนเกือบๆ จะ 2 เท่าของประตูของเขา นานี่มีอิทธิพลต่อการคว้าแชมป์ของแมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้มาก (8 คะแนน)
พอล สโคลส์ : อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา ไม่สามารถโชว์ฝีเท้าได้ยอดเยี่ยมเหมือนไรอัน กิ๊กส์ในโค้งสุดท้ายของเขา แต่ก็ยังมีฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจบ้าง (6 คะแนน)
ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ : เชื้อไวรัสทำให้ฤดูกาลนี้ของเฟล็ทเชอร์ดูไม่จืด และอาจจะต้องอกหักพลาดลงสนามในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเหมือนในปี 2009 ที่เขาถูกโทษแบน (6 คะแนน)
อันโตนิโอ วาเลนเซีย : อาการบาดเจ็บในช่วงเดือนกันยายนของเขาทำให้เขาพลาดการลงสนามจนถึงเดือน มีนาคม แต่หลังจากกลับมาแล้วเขาก็เป็นกำลังสำคัญอย่างมากให้กับทีม (7 คะแนน)
ดาร์รอน กิ๊บสัน : ไม่ใช่นักเตะคนโปรดของแฟนบอล ดูได้จากข้อความด่าทอหลังจากเขามีทวิตเตอร์ ฟอร์มการเล่นในช่วงก้าวขึ้นมาแรกๆเริ่มจางหายไป และการยิงไกลอันเป็นทีเด็ดก็ส่งบอลไปอยู่ในฝูงคนดูซะส่วนใหญ่ (6 คะแนน)
ไมเคิ่ล โอเว่น : กำลังเป็นประเด็นว่าเขาจะได้รับการต่อสัญญาใหม่รึเปล่า แต่ช่วงเวลาที่แฟนบอลจะจดจำเขาใน 2 ฤดูกาลที่เขาค้าแข้งคือประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้ทีมเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 4-3 (6 คะแนน)
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ : บุคคลที่ยิงประตูมากที่สุดให้กับทีมกับจำนวน 22 ประตู แต่ตกไปเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ในพักหลังๆ จากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของชิชาร์ริโต้ (8 คะแนน)
เวย์น รูนี่ย์ : ผลงานย่ำแย่อย่างมากในช่วงต้นฤดูกาล แต่หลังจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เขาก็กลายเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ (9 คะแนน)
ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ : เขาถูกซื้อเข้ามาโดยถูกวางไว้เป็นกำลังสำคัญในอนาคต แต่คนมันจะดังมันก็ดังเป็นพลุแตก โดยยิงไป 20 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาและกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ดทันที (9 คะแนน)
นักเตะคายอื่นๆที่ลงสนามไม่ครบ 10 นัดจะไม่ได้รับการให้คะแนน : คุสแช็ค 5 นัด, เบเบ้ 2 นัด, ฮากรีฟส์ 1 นัด, มาเคด้า 7 นัด, เนวิลล์ 3 นัด, โอแบร์ตอง 7 นัด, บราวน์ 7 นัด
อีกหนึ่งคนที่ได้รับการให้คะแนนจากทาง The Sun คือ
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน : นายใหญ่ของทีมได้พาทีมคว้าแชมป์อีกครั้ง เขาทำให้ผลงานการเล่นของทีมมีมาตรฐานอย่างมาก และกำลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ต่อไปในเกมส์กับบาร์เซโลน่าปลายเดือนนี้ (10 คะแนน)
สะเทือนวงการ!กิลล์เปรยน้ามูทายาทอสูรต่อป๋า
แม้จะไม่ค่อยแปลกใจ นักแต่รับรองว่าแฟนบอลทีมอื่นหนาวสั่นแน่หลังเดวิด กิลล์ผู้บริหารระดับสูงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกโรงเปรยโจเซ่ มูรินโญ่เป็นเคนดิเดตนั่งแท่นกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนายใหญ่โบราณวัตถุ
ก่อน หน้านี้มีรายงานข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่าหากวันใดท่านเซอร์ก้าวลงจาก ตำแหน่งนายใหญ่ของโรงละครแห่งความฝัน ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทายาทอสูรสืบต่อก็คงหนีไม่พ้นโจเซ่ มูรินโญ่เฮดโค้ชเดอะ สเปเชี่ยล วันที่ปัจจุบันรับงานคุมทีม"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริดอยู่ในขณะนี้
โดยล่าสุดเดวิด กิลล์ผู้บริหารระดับสูงของ"ปีศาจแดง"ก็ได้ออกโรงเปรยว่าเรื่องดังกล่าวอาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาก็ได้
"ผมจะยังไม่พิจารณาอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"
"นั่นคืออนาคตและมันคงเป็นเรื่องที่ผิดหากไปพูดเกี่ยวกับสโมสรอื่นหรือสถานการณ์ของพวกเขา"
"เราจะพูดคุยเรื่องนี้กันเป็นการภายในและอะไรก็ตามที่มีผลกระทบหากเขาเข้ามารับตำแหน่งต่อจากนี้สืบไป"
ริโอยันไม่เคยเซ็งป๋ากาชื่อทิ้งว่าเล่นซีซั่นนี้ไม่ได้แล้ว
ริโอ เฟอร์ดินานด์ปราการหลังปากเป็ดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ออกมายอมรับว่า เขาไม่เคยรู้สึกแย่เลยกับการที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบรมกุนซือของทีมกาชื่อเขาทิ้งไปเมื่อช่วงต้นฤดูกาล
เฟอร์กูสันให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่คิดว่าทางเฟอร์ดินานด์จะกลับมาลงเล่นในฤดูกาลนี้ได้ หลังจากมีอาการบาดเจ็บรุมเร้าไม่หายเสียที
“ผมรู้มาตลอดว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” ปากเป็ดกล่าว
“แต่ผมคิดว่าที่ผู้จัดการทีมพูดไปก็เพราะต้องการที่จะให้ผมลดความกดดัน เขาชอบกดดันตัวเองมากกว่าที่จะโยนมันให้นักเตะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดผู้จัดการทีมมี”
“การคว้าแชมป์สมัยที่ 19 มันไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย ในตอนที่ผมเซ็นสัญญากับทีมเมื่อ 9 ปีก่อน”
“ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ผมแค่อยากจะชนะ อยากจะคว้าแชมป์เท่านั้น”
ปากเป็ดซูฮกทัพผีสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ริโอ เฟอร์ดินานด์ปราการหลังเชิงสูงให้สัมภาษณ์เผยว่าเขารู้สึกดีใจอย่างมาก ที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสร โดยการกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศ
การคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำให้เหรียญรางวัลแชมป์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 ของริโอ เฟอร์ดินานด์นับตั้งแต่เขาย้ายออกจากลีดส์ มาอยู่กับทีม
"ประวัติศาสตร์ การเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ประสบความสำเร็จในประเทศโดยการคว้าแชมป์ลีก หมายความว่ามันพิเศษมาก"
"มันเป็นการบรรลุผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร และการเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ทำลายสถิติลงได้นั้นมหัศจรรย์มาก"
"การที่จะคว้าแชมป์ลีกนี้ได้คุณจะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และในฤดูกาลนี้มันมีมากกว่าฤดูกาลก่อนๆที่ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่มาที่นี่ พวกเราผลุดขึ้นมาจากหลุมได้"
"ผู้คนอาจจะวิพากษย์วิจารณ์เราแต่หากคุณคว้าแชมป์ลีก คุณเป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ"
ยูไนเต็ด!พี่ติ๊กชี้ผีเป็นทีมมากขึ้นหลังโด้สวมชุดขาว
ปาทริซ เอฟร่าแบ็คซ้ายจอมบุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเชื่อว่าสโมสรของเขาเล่นกันเป็นระแบบและเป็นทีมมากขึ้น ตั้งแต่การย้ายออกจากสโมสรของคริสติอาโน่ โรนัลโด้
โรนัลโด้เป็นกำลังสำคัญให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการคว้าแชมป์ 3 ฤดูกาลติดตั้งแต่ 2006-2007, 2007-2008 และ 2008-2009 ซึ่งในฤดูกาล 2009-2010 ที่เขาย้ายออกไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เสียแชมป์ให้กับเชลซี แต่ก็กลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้
"ตอนที่คริสติอาโน่ โรนัลโด้ค้าแข้งอยู่ที่นี่ เขาทำงานได้ยอดเยี่ยมมากแต่ทีมเล่นเพื่อเขาและบางทีผู้คนอาจจะลืมเรื่องนี้ไป"
"แต่หลังจากที่คาร์ลิโต้และรอนนี่ย้ายออกไป ยูไนเต็ดเล่นเป็นทีมกันมากขึ้น"
"ผมไม่ได้พูดว่าพวกเราเป็นทีมที่ดีขึ้นเมื่อไม่มีรอนนี่นะ แต่แน่นอนว่าพวกเราเล่นกันเป็นระแบบมากขึ้น นั่นมันเป็นการบรรลุความสำเร็จเช่นกัน"
"หากคุณถูกถามให้เลือกนักเตะหนึ่งคนในฤดูกาลนี้ ผมไม่คิดว่ามีใครโดดเด่นเป็นพิเศษนะ"
"นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเครดิตที่เราได้รับในการคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้เป็นสปิริตของพวกเรา"
พี่ติ๊กรับแข้งผีโดนเฉ่งยับหลังพ่ายปืน
ปาทริซ เอฟร่าแบ็คซ้ายจอมลุยของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ออกมาเผยว่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบรมกุนซือของทีมนั้นต้องการฟอร์มการเล่นที่ดีกว่าเดิม หลังจากพวกเขาพ่ายให้กับอาร์เซนอล
เอฟร่าเผยถึงวิธีการที่เฟอร์กูสันใช้กระตุ้นนักเตะเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปคว้า แชมป์ให้ได้ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับอาร์เซนอลไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน
“ผู้จัดการทีมอัดความกดดันมาให้พวกเราเต็มๆ” เขากล่าว
“หลังเกมกับอาร์เซนอล เขาบอกว่า ‘นี่พวกนายไม่อยากได้แชมป์สมัยที่ 19 แล้วหรอ? บ้าไปแล้วรึไง? ตอนนี้คุณต้องคว้ามันมาให้ได้ คุณจะต้องเสียแชมป์ไปอีกกี่ครั้งถึงจะพอ?”
“ฉะนั้นมันเลยเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆที่เราจะคว้าแชมป์ลีกมาให้ได้ ไม่งั้นแล้วมันคงต้องมีสักคนที่โดนไดร์เป่าผมเป่าซะกระจุยแน่!”
ไม่มีปัญหาจ้า!ยูฟ่ายันบุสเก็ตส์ไม่ผิด-รอชิง CL สบายแฮ
แซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์มิดฟิลด์จ๊ะเอ๋ตะเองสบายตัวพร้อมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนส์ ลีกปลายเดือนนี้เต็มที่ หลังจากที่เขาไม่ถูกยูฟ่าลงดาบจากเหตุการเหยียดผิวดั่งที่เรอัล มาดริดอ้าง
บุ สเก็ตส์โดนทางยูฟ่าตรวจสอบ หลังจากที่เรอัล มาดริดยื่นเรื่องว่าเขาไปเหยียดผิวใส่มาร์เซโล่ในเกมรอบรองชนะเลิศ เลกแรก เมื่อช่วงเดือนก่อน
ซึ่งเขาจะถูกแบน 5 เกมทันทีหากมีการตัดสินออกมาว่าผิดจริง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรและแข้งวัย 22 ปีก็พร้อมลงเจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เวมบลีย์ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้แน่นอน
“แซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์จะได้ลงเล่นในรองชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ทางยูฟ่าได้แจ้งมายังสโมสรบาร์เซโลน่าแล้วว่าไม่มีการเอาเรื่องกับข้อกล่าว หาที่ทางเรอัล มาดริดยื่นไป” แถลงการณ์สั้นๆจากยานแม่
ซึ่งทางยูฟ่าเองก็ได้ออกมากล่าวถึงข้อหาที่มีต่อบุสเก็ตส์ซึ่งไม่มีผลอะไรเพราะว่าขาดซึ่งหลักฐานที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจน
“ประธานการควบคุมและตรวจสอบวินัยของยูฟ่าได้มีการตัดสินออกมาในวันนี้ว่า ข้อเรียกร้องของเรอัล มาดริดที่ว่าแซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์ไปเหยียดผิวใส่มาร์เซโล่ในรอบรองชนะเลิศแชมป์เปี้ยนส์ ลีก เลกแรก เมื่อวันที่ 27 เมษายนนั้น ขาดซึ่งหลักฐานอันหนักแน่นและยังไม่น่าเชื่อถือมากพอ” แถลงการณ์ของทางยูฟ่า
มาดริดนั้นได้ยื่นวีดีโอซึ่งเผยให้เห็นภาพขณะที่บุสเก็ตส์กำลังเอามือป้อง ปากและพูดกับมาร์เซโล่ว่า “Mono! Mono!” ซึ่งแปลว่า ไอ้ลิง โดยเป็นการเรียกที่ใช้ในการเหยียดผิวหรือเชื้อชาตินั่นเอง
Credit : www.soccersuck.com , www.siamsport.co.th


















