หลังจากอดตาหลับขับตานอน เพื่อรอดู นัดอุ่นเครื่องนัดนี้ แม้จะรู้เต็มอกว่ามันอาจจะไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย
แต่คงไม่มีใครอยากแพ้ แม้แค่เป็นเกมส์กระชับมิตรก็ตาม
หลังจากเห็นทีมชีตของแมนยู ต้องบอกว่าเกือบฟูลทีมเลยทีเดียว ส่วนบาร์ซ่าเราจะไม่กล่าวถึงแล้วกัน อิอิอิ
อย่างแรกที่ได้เห็นในนัดนี้คือ
หนึ่ง นานี่ โตแล้ว! หมายถึงสไตล์การเล่นที่ไม่บ้าหยุดรอจังหวะโยกขยับซ้ายหรือขวาอีกต่อไป (แต่ต้องรอดูว่าในอนาคตจะมีมาอีกหรือเปล่า)
เท่าที่ได้เห็น มีหลายจังหวะที่นานี่ทำแบบวาเลนเซียคือทำง่าย แตะแล้วไป
ซึ่งทักษะการเลี้ยงบอลที่มีอยู่เยอะอยู่แล้วยิ่งทำให้นานี่มีโอกาสกระฉากผ่านกองหลังได้มากกว่าการหยุดบอลรอจังหวะ
หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงไปด้วยโยกหาจังหวะหลอกไปด้วย อันนี้เหมือนภาพที่เห็นกันชินตาสมัยกิ๊กส์ยังคงลากเลื้อยแถวริมเส้นบ่อย
ซึ่งนานี่เริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากการเลี้ยงโยกหลอก โดยไม่หยุดบอลรอจังหวะ
ทำให้ความเร็วในการเล่นของนานี่ไม่ตกลงไปแถมยังเลี้ยงผ่านไปได้คนถึงสองคนด้วยซ้ำ
อาจจะเพราะว่ามี แอชลี่ย์ ยัง ปีกตัวจี๊ดเข้ามาเสริม นานี่จึงต้องมุ่งพัฒนาเกมส์การเล่นของตนเองให้มีประโยชน์ต่อส่วนรวมมากขึ้น (ไม่งั้นเล่นแย่มีหวังนั่งตบยุงข้างสนามยาว)
ถ้านานี่ยังคงรักษาการเล่นในรูปแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คนที่เดือดร้อน น่าจะเป็นวาเลนเซีย
แต่ถ้านานี่ยังคงเล่นแบบหยุดบอลรอโยกหาจังหวะ คนที่ต้องรอโอกาสก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ!
สอง คู่กลาง แม้อันแดร์สันก่อนย้ายมาจะเล่นตัวรุกมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อมาอยู่แมนยูแล้วต้องเริ่มหัดเล่นรับให้มากขึ้นด้วยเพราะนั่นคือระบบกองกลางของแมนยู
แม้ช่วงแรกๆ จะสะดุดในระบบ แต่พอมาเวลาให้ปรับตัวสักสองปี อันแดร์สันเริ่มจะเล่นได้ดีขึ้นมีทั้งรุกและรับ
ถ้ามีโอกาสลงสนามได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ น่าจะได้เพิ่มความเก๋าเกมส์ซึ่งสำคัญมากๆ กับการช่วงชิงเกมส์ในแดนกลาง
อีกสักสองปีอันแดร์สันจะแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอนและตอนนั้น น่าจะเป็นตัวหลักคนแรกที่ป๋าส่งลงเล่น (นอกจากจะงอแงจนป๋าจับโยนออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด)
ส่วนคู่หู วันนี้ได้เห็นเคลฟเล่นเต็มแมทต์ แม้จะไม่ใช่ตัวนักเตะระดับโลก แต่เคลฟสามารถทำได้อย่างที่กองกลางแมนยูต้องทำได้ คือรุกและรับในตัว
จังหวะลากตะลุยอาจจะไม่มีให้เห็น แต่จะเป็นอะไรไปในเมื่อมีปีกคอยทำงานตรงส่วนนั้นอยู่แล้ว
การส่งบอลใกล้และไกลรวถึงการเชื่อมเกมส์ต่างหาก ที่เป็นสิ่งที่กองกลางแมนยูต้องมีทีเด็ด
แม้จะเล่นไม่วูบวาบเท่าไรนักแต่ ด้วยสไตล์การเล่นรวมไปอายุที่ยังน้อย น่าจะทำให้เคลฟมีโอกาสก้าวขึ้นมาเล่นได้ในระดับใกล้เคียงกับสโคลส์
เพราะการส่งบอลหรือไหวพริบตอนโดนฝั่งตรงข้ามเข้าบีบพื้นที่ เคลฟมักไม่ส่งคืนหลัง แต่เลือกที่จะส่งออกข้างและทำทางเพื่อรอจังหวะให้เพื่อนส่งบอลคืนต่อ
นั่นอาจจะเป็นการเล่นในสไตล์ไม่วูบวาบ แต่สิ่งที่ได้คือจังหวะการเล่นที่ไม่ช้าจนต้องตั้งหลักใหม่ในแดนหลัง
แต่ทุกอย่างทั้งสามคนนี้ ยังมีเวลาเหลือเฟือเพื่อพัฒนาการเล่นของตนเองให้ก้าวไปสู่ระดับโลกและทุกคนเหล่าแฟนผีก็จับจ้องรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ















