นางลักษณากล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่าบุตรสาวรู้จักพระเชาวลิตจากอินเตอร์เน็ตมานานกว่า 6 เดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา บุตรสาวได้แอบหนีออกจากบ้านไปโดยไม่ทราบว่าไปพักที่ไหนจนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค.บุตรสาวก็ถูกชายลึกลับส่งตัวกลับมาที่บ้านในสภาพคล้ายคนเสียสติ ไม่สามารถจดจำใครในบ้านได้ ส่งเสียงกรีดร้องโวยวายตลอดเวลา พร่ำเพ้อถึงแต่พระเชาวลิต พอจับใจความได้ว่าแอบหนีไปอยู่ด้วยกันที่วัดดังกล่าว จึงตัดสินใจพาบุตรสาวไปตรวจรักษาที่ รพ.จุฬาฯ แพทย์ตรวจพบว่าสมองของบุตรสาว ถูกฤทธิ์ยากล่อมประสาทอย่างแรง ทำลายจนเกือบใช้การไม่ได้ เมื่อตรวจปัสสาวะก็พบว่ามีสีม่วง ซึ่งแพทย์บอกว่าเกิดจากการเสพยาบ้า เข้าไปจำนวนมาก ที่สำคัญบุตรสาวยังถูกคนร้ายข่มขืนกระทำชำเราอย่างทารุณ ขณะนี้ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วยใน รพ.จุฬาฯ
ผู้เป็นแม่กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจทรัพย์สิน ของบุตรสาวพบว่าเงินสดจำนวน 10,000 บาท นาฬิกายี่ห้อดัง 2 เรือน โทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตา และแหวนทับทิมอีก 2 วง รวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นบาท สูญหายไปจนเกลี้ยง คาดว่า คนร้ายคงจะปลดเอาไปด้วย พยายามติดต่อไปยังตามเบอร์โทรศัพท์ ที่บุตรสาว จดบันทึกเอาไว้แต่พระเชาวลิตไม่ยอมรับสายจึงบากหน้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
หลังทราบรายละเอียดทั้งหมด ทางตำรวจพร้อมด้วยนางลักษณาได้เดินทางไปที่กุฏิของพระเชาวลิต ผู้ต้องสงสัยพบพระเชาวลิต นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องจึงนิมนต์พาตรวจค้นหาหลักฐานพบว่า ภายในกุฏิที่พำนักของพระเชาวลิตเพียบพร้อมไปด้วย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสิ่งบันเทิงเริงรมย์เช่นชุดโฮมเธียเตอร์ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดย 1 ใน 2 เป็นของ น.ส.กิ๊ฟ นอกจากนี้ ยังพบเป้ผ้าสะพายหลังภายในมีตุ๊กตา ของน้องกิ๊ฟแขวนอยู่ริมผนังห้องด้านใน ส่วนนาฬิกาของน้องกิ๊ฟวางอยู่ตรงหัวเตียงนอน 1 เรือน ส่วนอีกเรือนหาไม่พบ จากการสอบสวนพระเชาวลิตให้การแบ่งรับแบ่งสู้ ว่าน้องกิ๊ฟมาพักอยู่ที่วัดจริง แต่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ส่วนเรื่องที่น้องกิ๊ฟถูกมอมยาและข่มขืนพระเชาวลิตให้การปฏิเสธ ตำรวจจึงลงบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐานก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมนางลักษณาเนื่องจากต้องรอให้น้องกิ๊ฟผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยันความผิด
ข่าวจากไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th
-----------
โห..สุดยอดล่อสาว ABAC เลยเหรอ!!

โดนได้ไงเนี่ย! "จีบได้เมพมาก" หลวงเพ่....

เรียนที่นี่รวยอย่างเดียวไม่ได้มั๊งต้อง...ด้วยป่ะ??