หลังจากผ่านพ้นมาได้เกือบๆ 9 เดือน ในการแข่งขันบอลพรีเมียร์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงสนามในเกมส์การกุศล ความสนุกตื่นเต้นในสนามชวนให้พลพรรคแมนยูหัวใจเต้นระรัวๆ พลางนับตัวเลขสมัยที่ 20 ทดไว้ในใจกันไปบ้างแล้ว (หลังจากเห็นการเล่นที่เพลินตา เสมือนมองพริตตี้สวยๆซะอย่างนั้น)
แต่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ ปรากฏการณ์ดราม่า สะเทือนกันทุกย่อมหญ้า ผลงานของแมนยูลดระดับลงพร้อมกับถูกคู่แข่ง (เพื่อนบ้านน่ารำคาญ) ทิ้งแต้มไปห่าง ถึง 8 แต้ม
ความเซ็งในอารมณ์ก็คงเกิดไม่มากก็น้อย หลังจากเห็นเม็ดเงินมหาศาลเริ่มแสดงอำนาจให้เห็นว่ามีแรงหนุนดีขนาดไหน
แต่สุดท้ายพลพรรคแมนยูกลับทำสิ่งไม่น่าเชื่อให้เป็นไปได้ ด้วยผลงานของนักเตะที่ไม่สมประกอบ ทั้งเจ็บเยอะ แก่แล้ว รวมไปถึงพวกประสบการณ์ยังน้อยชั่วโมงบินไม่สูง แซงทะยานหนีคู่แข่งไปถึง 8 แต้ม
และแน่นอนด้วยขุมกำลังที่ไม่พร้อมรับมือเกมส์หนักๆ ยาวนาน รวมไปถึงหลายรายเร่งไม่ขึ้น ผลงานจึงค่อยๆ ลดระดับลงจนต้องมาวัดกันในนัดสุดท้าย ที่ทุกอย่างพร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ (ถ้าพลาดขึ้นมา)
คืนนี้แรงเชียร์ของพลพรรครักปีศาจแดงคงเชียร์กันสุดเหวี่ยงแน่นอน แม้อาจจะไม่มีการรับประกันได้ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง แต่เมื่อมองกลับมาที่ขุมกำลังที่มีในปัจจุบัน ก็ควรค่าแก่การปรบมือให้ทั้งนักเตะและเหล่าสตาฟท์โค้ช ที่พาทีมผ่านอุปสรรคและปัญหาของทีมมาได้ (แม้จะทุลักทุเลน่าดู)
21.00คือเวลาที่ทุกคนต้องจับตามองเป็นนัดสุดท้าย (ที่โคตรจะดราม่า) ก่อนจะพักยาวไปนานหลายเดือนกว่าจะเปิดซีซั่นใหม่
ซึ่งนัดนี้ผมไม่ขออะไรมาก ขอให้ขุนพลแมนยูเล่นเกมส์รุกที่ฉูดฉาด บาดตา ดูแล้วเพลิน เหมือนช่วงเปิดฤดูกาลให้เห็นเป็นบุญตาอีกสักรอบ แม้สุดท้ายอาจจะไม่มีประโยชน์ใดใดเลยก็ตาม
*คาแรกเตอร์ของเหล่าขุนแข้งแมนยู "สู้ไม่ถอยจนกว่านกหวีดสุดท้ายจะดัง" เหมือนอย่างที่เหล่าตำนานทั้งหลายได้สร้างเอาไว้...
"ถ้าคุณทำมันได้ คุณก็ควรคู่สวมเสื้อแมนยูลงสนาม" อย่างที่ รอย มัวริช คีน กล่าวเอาไว้ ก่อนจากทีมไป