
เพิ่งจะเคยดูหนังเรื่อง United ที่ช่อง HBO มันเป็นหนังที่เอามาจากเรื่องจริง ตอนที่นักเตะและทีมงานสต๊าฟโค้ช ของทีมแมนยูประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิวนิค เสียชีวิตไป 23 คน
ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้นักเตะที่รอดชีวิตอย่าง "เซอร์บ็อบบี ชาร์ลตัน" เลิกเล่นฟุตบอลไปพักนึง เนื่องจากกทำใจไม่ได้ แต่โปรแกรมการแข่งขันไม่ได้หยุดให้ทีมแมนยูได้ทำใจกันเลย
ทำให้ตอนนั้น กรรมการต้องประชุมด่วนเพื่อ "ขอยุบสโมสรแมนยู"เนื่องจากไม่มีนักเตะลงแข่งขันใน เอฟ เอ คัฟ (สมัยนั้นตัวสำรองมีน้อยนักเตะเยาวชนก็ไม่มี) ทำให้ "จิมมี เมอร์ฟี" ที่เป็นผู้จัดการทีมแทนเซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เครื่องบินตก พูดประโยขน์เด็ดออกเพื่อไม่ให้เหล่ากรรมการยุบทีมแมนยู
"จิมมี เมอร์ฟี" ได้กล่าว "เราจะไม่ก้มหัวให้โศกนาฏกรรม เราจะมองไปที่อนาคต" ต่อจากนั้น "จิมมี เมอร์ฟี" ก็ได้หาคนทั่วไปหรือคนข้างถนน มาฝึกฟุตบอลให้ทันแข่งรอบรองของ เอฟเอคัพ กับ เชฟฟิวยูไนเต็ด จนทำให้ "เซอร์บ็อบบี ชาร์ลตัน" กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง
แม้ว่า ทีมแมนยูจะชนะเชฟฟิวยูไนเต็ด เข้าไปเล่นรอบชิงกับโบสตันแล้วแพ้ก็ตาม แต่มันก็เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แมนยู ยิ่งใหญ่มาได้จนถึงตอนนี้
อยากจะบอกว่าการล้มครั้งนี้มันเจ็บนิดๆ เมื่อเทียบกับสมัยโศกนาฏกรรมที่มิวนิคมากๆเลย เรดอาร์มี่จะไม่ก้มหัวให้โศกนาฏกรรม เราจะมองไปที่อนาคตข้างหน้าเท่านั้น