ภารกิจใหม่ภายใต้สโลแกน 20 Champions Is Possible ของป๋าเฟอร์กี้จะนำกลับมาใช้อีกครั้งหลังต้องเสียถ้วย
แชมป์เสี้ยววินาทีสุดท้ายของการแข่งขันลีกสูงสุดแห่งแดนฟิชแอนด์ชิพ ให้กับอริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้
โดยปฎิบัติการดูด...(คิดอะไรอยู่?? รู้นะ) ดูดนักเตะฝีเท่าฉกาจมาร่วมทีมก็เริ่มขึ้นทันทีหลังปิดซีซั่น โดย 2นักเตะ
ที่ป๋าแพนด้าหมายตาไว้นานแล้วนั่นก็คือ เอเด็ง อาซาร์ และ ชินจิ คากาวะ แต่ในรายของอาซาร์น่าจะเป็นการดูดแห้ว
เพราะเสี่ยหมีฉกตัดหน้าไปพร้อมทิ้งเงินก้อนโตให้กับลีลล์สโมสรเก่า พร้อมรับค่าเหนื่อยมหาศาล170,000ปอนด์ต่อวีก
หันกลับมามองมิดฟิลด์เลือดอาทิตย์อุทัยกันมั่ง ชินจิ คากาวะนักเตะหนุ่มฝีเท้าฉกาจ การันตีโดยดับเบิลแชมป์เมืองเบียร์
ปี 2011-2012 โดยลงเล่นไป 43นัดทำได้ 17ประตูและ 13แอซซิส ซึ่งไม่เป็นรองเอเด็ง อาซาร์เจ้าหนูเบลเยี่ยมเลย
และหากกระชากตัวมิดฟิลด์ซามูไรได้สำเร็จ ปรากฎการณ์ปีศาจสามง่ามฟีเวอร์จะเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นทันที เพราะทั้งความหล่อ
และความดังของชินจิ คากาวะ ก็ไม่ต่างจากปาร์ค จี ซอง ไอ้หนุ่มพลังโสมของเราที่ฟีเวอร์ในแดนกิมจิในขณะนี้ ความสำเร็จ
หรือถ้วยแชมป์และเหรียญรางวัลเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจกำหนดออกมาเป็นรูปธรรมได้ แต่การตลาดเป็นสิ่งที่
วางแผนและคำนวนเป็นตัวเลขออกมาได้ การขายเสื้อปีศาจแดงที่ญี่ปุ่นอาจทำรายได้ให้กับปีศาจสามง่ามอย่างมหาศาล
หากข้างหลังสกรีนชื่อของคากาวะ แต่สิ่งที่แฟนบอลต้องการจริงๆคือการทวงบัลลังค์แชมป์คืนมาจากอริร่วมเมืองต่างหาก
คือสิ่งที่สำคัญ แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ก็คงจะยากหากยังหวังจะประสบความสำเร็จ แต่ทั้งคว้าตัวชินจิ คากาวะ
มาได้ และทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมาได้สำเร็จด้วย ก็คงได้บทสรุปที่ดี เพราะ Win Win ทั้งแฟนบอลและรายได้ของสโมสร
แต่หากคว้าตัวคากาวะมาได้แค่คนเดียวแล้วปล่อยให้เรือใบโลดเล่นครองแชมป์ต่อไป แฟนบอลคงต้องไปฟ้องครูอังคณาแน่ๆครับป๋า