
หากพูดถึงหัวหอกทีมชาติอังกฤษ เลือดร้อน หน้าตาหล่อเหลาในสมัยก่อน ไม่มีแฟนบอลคนไหนที่จะไม่รู้จักอลัน สมิธอดีตหัวหอกของลีดส์ ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเขาจะพูดถึงความหลังในวันเก่าๆ และจุดตกอับของชีวิตการค้าแข้ง
วันเวลาผ่านไปหลายปี ไม่ใช่เพียงแค่ทรงผมของอลัน สมิธเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันเขาค้าแข้งอยู่กับทีมเอ็มเค ดอนส์ ทีมจากลีกวันในประเทศอังกฤษ ซึ่งในอดีตนั้นสมิธเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงและถูกจับตามองมากที่สุดในแดนผู้ดี
"ผมจำได้ว่าพวกเรากำลังจะลงแข่งขันกับอันเดอร์เลทช์ในแชมเปี้ยนส์ ลีก และในวันเสาร์พวกเราก็จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" สมิธรำลึกความหลัง
"ผมคิดไปไกลว่าหากผมทำประตูได้ในค่ำคืนดังกล่าว - เดวิด โอเลียรี่ (ผู้จัดการทีม) จะต้องส่งผมลงสนามในเกมกับยูไนเต็ดแน่ๆ"
"และในเกมนั้นผมก็ยิงได้ 2 ประตู พวกเราเอาชนะได้ 4-1 แต่เมื่อวันเสาร์มาถึงในเกมกับยูไนเต็ดที่แข่งขันในสนามเอลแลนด์ โร้ด เขาจับผมนั่งซะอย่างนั้น"
"ผมสาบานได้เลยว่าตอนนั้นความรู้สึกของผมเหมือนกับโดนใครมาควักหัวใจออกไป - ไบรอัน คิดด์ต้องมาลากตัวผมไปอีกฝั่งหนึ่งและทำให้ผมใจเย็นลง ในช่วงนั้นผมพร้อมที่จะถีบประตูของผู้จัดการทีมให้ราบเป็นหน้ากลองเลยล่ะ"
"คุณไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องผ่านมาได้เลย ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว"
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวอลัน สมิธเล่าย้อนถึงช่วงสมัยที่เขาอารมณ์ร้อนเลือดเดือด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลของทุกๆทีมจดจำเขาได้ขึ้นใจ และนอกจากนี้สมิธตี้ยังได้กล่าวถึงอาการบาดเจ็บจากการบล็อคลูกยิงของยอน อาร์เน่ ริเซ่อดีตนักเตะลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์อีกด้วย
"หากคุณเจอกับผมในตอนเช้า คุณอาจจะคิดว่าในเดือนหน้าผมกำลังจะอายุครบ 52 ปีไม่ใช่ 32 แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่อุทิศตัวเองให้กับกีฬาต้องผ่านเรื่องแบบนี้มาทั้งหมด"
"นักเตะมากมายหลายคนต้องลงเล่นทั้งๆที่มีอาการบาดเจ็บ เรื่องดังกล่าวทำให้คุณชื่นชอบทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับกีฬา"
"บางทีอาชีพการค้าแข้งของผมนั้นหล่นวูบจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในแอนฟิลด์ และบางทีความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผมคือการกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าในระดับสูงสุดนะ แต่ในการเล่นทุกๆระดับนั่นแหละ"
"เมื่อผมมองย้อนกลับไป อาการบาดเจ็บทำให้ผมกลายเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่นักฟุตบอลที่ดีขึ้น มันมีความผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณข้อเท้าซ้ายของผม บางทีมันแตกต่างจากด้านขวาอยู่ประมาณ 70%"
"แต่ผมได้เติบโตขึ้นมา เข้าใจถึงสิ่งต่างๆจากการมองย้อนกลับไปและคิดว่าผมควรจะทำอะไรสำเร็จบ้าง ผมพยายามทำให้แน่ใจว่าผมจะรักษาอาชีพการค้าแข้งของผมให้ยาวนานมากขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกซึ้งใจมาก"