ต้องยอมรับเลยนะครับว่าผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับการฝึกสอนฟุตบอล อันนี้เรื่องจริงครับ
แต่สำหรับที่พูดว่า ทักษะต่างๆเขาสอนให้นักฟุตบอลตั้งแต่ 10 ขวบแล้ว ... แล้วมันก็เคยเก่งมาก่อน แต่ตอนนี้มันกากลง ทั้งๆที่อายุยังไม่เยอะ แอชยัง นานี่ วาเลยเซีย ไม่มีใครเลี้ยงผ่านคู่แข่งได้เลย คิดว่าเกิดจากอะไรครับ คิดว่ามันกากอยู่แล้วรึป่าว ผมว่ามันไม่กากนะครับ แต่มันไม่ทำเอง เพราะอะไรบางอย่าง อาจจะ้ด้วยสภาพจิตใจ หรืออะไรก็ตาม แต่ต้องพูดเลยว่านี่มันไม่ใช่ 2-3 นัดที่ห่วยแบบนี้ แต่มันเป็นแบนี้มา 2-3 ปีแล้ว ... แล้วคิดจะแก้ไขมันยังไงครับ ในฐานะโค้ช หรือจะปล่อยให้มันกากแบบนี้ตลอดไป (ทีมระดับโลกอย่างแมนยูจะต้องปล่อยให้นักเตะกากแบบนี้โดยไม่แก้ไขอะไรเลยเหรอ ??? ... อย่าบอกเลยครับว่า ผจก.ทีม เขาทำแล้ว ทำมากกว่าที่เราเห็น บางทีเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำครับ ก็เหมือนเรื่องที่ ฮามอยส์ เรียก แอชยัง ไปคุยเรื่องที่พุ่งล้ม เนี่ยครับ หลายๆคนอาจจะคิดว่า ไม่ต้องห่วงหรอก ป๋าคงเตือนยังไปแล้ว มอยเข้ามาทำงานก็คงเตือนไปแล้ว แต่ความจริง เขาไม่เคยเตือนเลย ... เขาเพิ่งจะมาเตือนมันนี่ล่ะครับ ... นี่คือตัวอย่างนะครับ ที่คิดว่า ผจก.รู้ดี คงทำนั่นทำนี่ไปแล้ว มากกว่าที่เราคิด แต่จริงๆมันก็เหมือนที่เราคิดนั่นล่ะครับ คือ เขายังไม่ได้ทำไรเลย)
เรื่องการซ้อม แน่นอนเขาก็ต้องมีสเต็ปการซ้อม จากเบาไปหนัก อะไรที่คุณบอกนั้นล่ะครับ แต่พอจบ Step การซ้อม แล้วมีอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษรึป่าว ตรงนี้ผู้จัดการทีมแต่ละคน โค้ชแต่ละคน คงสอนไม่เหมือนกันหรอกครับ ก็อย่าพูดเลยว่า ผจก.ทีม+โค้ช แมนยู เขาเก่งๆๆๆ ... คือ ผมเชื่อว่า เก่งอยู่ครับ เก่งพอตัว มีความเป็นมืออาชีพแน่นอน แต่เก่งแบบนี้มันก็ทำให้ทีมเราเป็นได้แค่นี้ไงครับ อย่างที่เห็นเนี่ย เล่นกันแบบห่วยๆมากี่ปีแล้ว เล่นแบบอืดๆ อย่าโทษนักเตะฝ่ายเดียวนะครับว่ามันเล่นห่วยเอง เล่นไม่ตามแผน เพราะถ้าสอนมันมาดีจริงๆ มันก็ต้องดีกว่านี้ นี้เราปล่อยให้ทีมเล่นแบบห่วยๆ ครองเกมสู้ใครไม่ได้ แม้กระทั่งทีมกลางตารางยังไล่ยำเราประจำ (ฤดูกาลก่อนประจำเลย)
ถ้าโค้ชเก่งจริงๆ เขาต้องเก่งรอบด้านใ่ช่ป่ะครับ ไม่ใช่เก่งแค่ที่คุณเห็น บางอย่างคุณเองก็ยังไม่เคยเห็นจากโค้ชคนอื่นๆ ที่คุณเห็นอาจจะเห็นแค่ที่เห็นอยู่ทั่วไป ถ้าคุณได้เจอกับโค้ชที่เก่งแบบว่า ดึงความสามารถนักเตะออกมาได้เยอะๆ มากกว่าที่เคยเห็น คุณเองก็คงจะเข้าใจเหมือนกัน
ในสายตาของผม โค้ชที่เก่งจริงๆ จะต้องสามารถทำให้ทีมเล่นได้ดี พลิกจากทีมอ่อนๆ กลายเป็นทีมที่เล่นได้ดี รูปเกมการเล่นเปลี่ยนแปลงไปในแบบ ทางบวกขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ ไมเคิล เลาดรุ๊ป เขาเข้ามาคุมทีมใช้เวลา 1-2 ปี สวอนซี ก็เปลี่ยนจากทีมกากๆ กลายเป็นแชมป์ ลีกแชมเปี้ยนชิพ /// พอขึ้นชั้นมา ก็กลายเป็นทีมกลางตารางพรีเมียร์ลีก พร้อมผลงานที่โคตรดีเลย /// ปีนี้ปีที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ผลงานก็ยังดีอยู่ เพราะเขาเข้าใจแบบแผนการเล่นฟุตบอล เล่นต่อบอลบนพื้น ถ้าคุณเป็นผู้จัดการทีมคุณจะเลือกเล่นแบบไหน เน้นสาดยาว หรือจะเน้นต่อบอลบนพื้น ? ... แน่นอนใครๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าฟุตบอลเล่นบนพื้นมันจะเล่นง่ายกว่า ต่อบอลง่ายกว่า เพื่อนจับบอลง่าย ส่งบอลกันก็ง่าย แต่ทำไมแมนยูของเรา เน้นสาดยาวกันจังเลย สาดไปให้กองหลังเขาเก็บไปกินประจำ ... ถ้าจะบอกว่า นั่นคือแทคติคของผู้จัดการทีมแต่ละคน ก็ต้องบอกเลยครับว่า งั้นแทคติคแบบนี้ก็คงไม่ดีละครับ ทีั่เน้นเล่นสาดยาว และป๋าเองก็ปรับมาใช้การต่อบอลบนพื้นมากขึ้น แสดงว่าที่ผ่านมาต่อบอลแบบสาดยาวมันไม่ถูกต้องน่ะสิ (คือการสาดยาวนะ บางทีจังหวะสำคัญมันก็ดีหรอกครับ แต่หลายๆครั้งมันไม่ดีเลย แต่ทีมเราก็ยังเน้นสาดยาว สาดก็ไม่แม่นบ้าง สาดไปกองหลังเขาก็เก็บกินสบาย เพราะกองหลังเขา 2-3 คน ส่วนกองหน้าเรา 1 คน)
คือผมต้องพูดให้เข้าใจไว้ก่อนนะครับว่า ที่ผมว่า กาก เนี่ย ไม่ได้หมายความว่ากระจอก แบบ กระจอกมาก คนธรรมดาที่ไหนก็ทำได้ ... ผมเข้าใจอยู่ว่า ผจก.ทีม มันต้องเก่งกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว เพราะผ่านการเรียนรู้มากมาย มีประสบการณ์มากกว่าคนธรรมดาแน่นอน และ ผจก.ทีม พรีเมียร์ลีก มันต้องเก่งกว่า ผจก.ทีม ไทยแลนด์ลีก อยู่แล้ว อันนี้ผมเข้าใจ เพียงแต่ที่ผมเปรียบเทียบ ผมเทียบ ผจก.ทีม พรีเมียร์ลีก vs ผจก.ทีม ที่ทำผลงานได้โดดเด่นกว่า (เหมือนเอา ผจก.เวสบอมวิส มาเทียบ ผจก.เชลซี เป็นต้น ผมก็จะบอกว่า ผจก.เวสบอม กากกว่า ... แต่ในความเป็นจริงผมรู้ดีครับ ว่า ผจก.ทีมเวมบอม เขาเก่ง กว่าคนธรรมดาแน่นอน เก่งกว่า ผจก.ทีม ไทยแลนด์ลีก)
เรื่องไม้แก่ดัดยากมันก็จริงนะ ผมเข้าใจครับ แต่คิดว่าแก่ยังไง ถ้ามีคนสั่งกำชับไว้ดีๆ มันต้องเล่นได้ตามนั้นมากกว่าเดิม อย่างกรณี นานี่ วาเลนเซีย แอชยัง ถ้ากำชับดีๆมีวิธีการพูดหรือชี้แนะดีๆมันต้องดึงความสามารถนักเตะกลับคืนมาได้ กล้าเลี้ยง ทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าตอนนี้แน่นอน (ตอนนี้คือ เลี้ยงบอลผ่านใครไม่ได้เลย ห่วยกว่าเด็ก ม.6 ที่เตะบอลเล่นตามโรงเรียนทั่วไปซะอีก เพราะเด็กพวกนี้ลีลาชั้นเชิง สูงมาก รูปร่างอาจจะสู้นักเตะจริงไม่ได้ ความฟิตสู้ไม่ได้ แต่สมองทักษะ เทคนิค เหนือกว่าเยอะแยะ)
ที่คุณบอกว่าโค้ชเขาเลือกนักเตะจากการฝึกซ้อม แสดงว่าเวลาซ้อม แอชยัง เวลเบ๊ค คงทำผลงานได้ดีมากเลยดิ คากาวะ นานี่ ยานูซาจ ซาฮา เลยไม่ต้องได้ลง ข้อนี้ผมไม่เชื่อ 100% ครับ ว่าตอนซ้อม เวลเบ๊ค แอชยัง มันจะซ้อมได้ดีกว่า เพราะฝีเท้ามันเป็นยังไง ตอนซ้อม ตอนแข่งจริง มันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ครับ (แต่ถ้าพูดว่าดูที่ความฟิตด้วย อันนี้ ผมเชื่อ ว่าความฟิตก็มีผลในการเลือกผู้เล่นลงสนาม แต่ คากาวะ นานี่ พวกนี้มันฟิตอยู่ละครับ เห็นลงเตะให้ดอทมุนด์ ทีมชาติญี่ปุ่น โปรตุเกส ประจำ ไม่เคยมีปัญหา มันจะมีปัญหาก็ตอนที่มาเตะให้ทีมเรานี่ล่ะ)
เรื่องจุดโทษ อย่าคิดว่ามันไม่สำคัญ มันไม่ได้เอาไปแข่งยิงจุดโทษเท่านั้นหรอกครับ แต่บางนัดเราได้จุดโทษในเกมเลย การยิงจุดโทษชนะแค่ 1-0 มันก็ทำให้ทีมได้ 3 แต้ม ถ้ายิงแย่ๆ ยิงกากๆ ยิงไม่เข้า ทีมก็ได้แค่เสมอ จริงป่ะครับ
คุณอย่าคิดว่ายิงเรียดรับยาก เพราะคุณจะเห็นเลยว่า ในพรีเมียร์ลีกเนี่ยครับ เวลามีการยิงจุดโทษเกิดขึ้น ไอ้ลูกที่มันเซฟกันได้ มากกว่า 70%-80% เป็นลูกเรียดพื้นทั้งนั้นเลย
คุณคิดได้ยังไงว่า ถ้ายิงสูงจะรับง่ายกว่า คุณคิดว่าผู้รักษาประตูมันไม่พุ่งนอนลงไปเหรอครับ คุณคิดว่ามันยืนรับเอาเหรอ !!!
คุณเองก็รู้อยู่ ว่าผู้รักษาประตูมันพุ่งตามแนวนอนระดับหัวเข่า ถูกมั๊ยครับ (ถ้าไม่เชื่อ ไปขุดดูคลิปยิงจุดโทษทั้งหลายได้เลย มันย่อตัว แล้วพุ่งระดับเอว เฉียงลงดินหมดทุกคน) ไม่มีใคร พุ่งเฉียงขึ้นไป 3 เหลี่ยมบนเลยครับ ดังนั้น ถ้ายิงไปตรง 3 เหลี่ยมบนได้ เข้าแน่นอน 100% (ถ้าไม่ข้ามคาน) ... ยิงต่ำกว่า 3 เหลี่ยมก็เข้าอยู่ดี เพราะมือมันปัดไม่ถึง ... เพราะอะไรรู้มั๊ยครับ เพราะว่าโลกเรามีแรงดึงดูดครับ พุ่งขึ้นไปยังไงมันก็ต้องโค้งลงมาติดพื้นเหมือนเดิม พื้นที่ บริเวณ 3 เหลี่ยมบน จึงเป็นพื้นที่ ที่รับยากที่สุดแล้วครับ ต่อให้ผู้รักษาประตูมันจะสูง มันจะยาวยังไงก็ตาม >>> ธรรมชาติของคนเล่นบอล เวลาเป็นประตูเซฟลูกโทษ ยังไงก็ต้องพุ่งตามแนวราบกับพื้น ไม่มีใครบ้าพุ่งไป 3 เหลี่ยมบนนะครับ
ถ้าจะบอกว่า ยิงให้ชิดขอบประตูมากที่สุด มันก็ถูกนะครับ ขอบประตูทุกตำแหน่งรับยากเท่ากันหมด แต่ถ้าจะให้เทียบระหว่าง ขอบซ้าย ขอบขวา ขอบมุมเหลี่ยม(มุมฉาก) ยังไงขอบมุมฉากก็เป็นจุดที่เซฟยากที่สุดอยู่แล้ว
คลิปนี้ผมให้คุณดูละกัน
- เชลซี ยิงได้ดีมาก (3 คนแรก) ยิงสูงทั้งนั้นรับยากโคตร
- บาเยิน ยิงกากเกือบทุกคน ดีที่เช็คมันพุ่งไม่ถูกทางเลย ถ้าพุ่งถูกทางนะ รับง่ายขี้ๆเลยครับ
(อย่าบอกล่ะครับว่า พวกนี้ถึงจะยิงเรียด แต่มีทักษะการหลอกล่อ ให้หลงมุม ไรงี้นะ ... เพราะถ้าพูดแบบนี้ ผมจะบอกเลยว่า งั้นก็หลอกล่อด้วย แล้วก็ยิงให้มันสูงขึ้นด้วยสิครับ มันจะได้เพิ่มประสิทธิภาพให้รับยากขึ้นไปอีก)
http://www.youtube.com/watch?v=PF86yLkx1VA- ดาวิด ลุยซ์ = ยิงแรงเร็วมาก สูงระดับ อก เอว รับยากครับ
- ออสการ์ด = ยิง 3 เหลี่ยบนเลย ขนาด นอยเออร์ พุ่งเร็ว ถูกทาง แต่มันก็รับไม่ได้ เพราอะไรเหรอ ? ก็เพราะมันสูงไงครับ ไม่มีประตูคนไหน พุ่งไป 3 เหลี่ยมบนหรอกครับ มีแต่พุ่งไปแนวราบระดับ หัวเข่า (อย่างเวอร์ก็ระดับ เอวตัวเอง ในขณะที่ย่อตัวอยู่) ... ลูกนี้นะครับ ถ้าออสการ์เลือกยิงเรียดพื้น คงไม่ต้องบอกนะว่า นอยเออร์ รับสบายๆ
- แลมพาด ก็ยิงสูง 3 เหลี่ยมหลังตาข่าย ถึงจะไม่ชิดมุม แต่ก็รับไม่ถึงหรอกครับ ลูกสูงรับยากเสมอ (เหมือนฟรีคิกไงครับ ยิง 3 เหลี่ยมบน มันรับยากกว่า ลูกที่ตกมุมประตูอีก)
- จบด้วยลูกที่ ลูกากู ยิงเรียด นอยเออร์พุ่งถูกทางก็รับสบาย ลูกนี้ถ้ายิงสูงเหมือนแลมพาดก็เข้าไปละครับ
แถมอีกคลิป เอาให้ดูว่า ขนาดนักเตะ แอฟริกา ยังมีความสามารถยิงจุดโทษเทพๆกันแบบนี้ได้เกือบทุกคน ทำไมทีมเราทำไม่ได้เลย
*** คุณคงจะเห็นนะครับว่า หลายๆลูก ผู้รักษาประตูพุ่งถูกทาง แต่รับไม่ได้ครับ ลูกมันสูงโคตร ***http://www.youtube.com/watch?v=t_dCOkETvu0คุณลองพิจารณาดูใหม่นะครับ ว่าการยิงจุดโทษ เรียดพื้น กับ ยิงให้มันสูง (แต่ไม่ข้ามคาน) อย่างไหนมันจะรับยากกว่า
การยิงสูงมีข้อเสียข้อเดียวครับ คือ มันเสี่ยงข้ามคาน ตรงนี้ผมรู้ดี แต่ในฐานะที่นักเตะทีมเรา มีคำว่า มืออาชีพ คุ้มกะลาหัวอยู่ มันก็ควรจะทำได้ เพราะมันไม่ใช่ เด็ก ม.6 เล่นบอลกันไปวันๆ ... ส่วนที่บอกว่า ประตูมันตัวใหญ่ สูง พุ่งไปสูง มันไม่ใช่แล้วครับ เพราะไม่มีประตูคนไหนพุ่งตัวเฉียงขึ้นไป 30-45 องศา หรอก ธรรมชาติของคนเรา มันพุ่งไปแนว 0 องศา ราบกับพื้นเลยครับ