ทุกอย่างมันก็ต้องมีขึ้นและลงครับ แค่ตอนนี้แมนยูยังหาจุดเปลี่ยนของความเป็นแมนยูไม่ได้แค่นั้นเองเพราะเราเคยเสพติดความสำเร็จมาตลอดในช่วงหลังๆมานี้ จนกระทั่งเซอร์วางมือทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น ผมคิดว่าทุกคนที่คิดว่าเราแพ้แล้วทุกอย่างมันจบ ผมบอกให้ก็ได้ว่าถ้าคุณเป็นสาวกผีแดงจริงคุณก็ต้องเชื่อมั่นในทีมต่อไปครับความรู้สึกแรกที่ผมชอบแมนยูก็คือ
1.ทีมฟุตบอลที่ลงแข่งเมื่อใด ตราบที่ยังไม่หมดเสียงนกหวีดเราก็ยังเห็นความมุ่งมั่นเสมอ
2.ทีมฟุตบอลที่เล่นเกมส์บุกเร้าใจ ตื่นเต้นเอ็งยิงข้า 1ลูก ข้าต้องยิงเอ็ง 2ลูก
3.ทีมที่เห็นชายใส่แว่น เคี้ยวหมากฝรั่งตะโกนกระตุ้นนักเตะ และปกป้องนักเตะในทีมเสมอเมื่อเห็นลูกทีมเพลี่ยงพล้ำ
4ชายในข้อสามบอกว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรขอให้เรายืนเคียงข้างกันในวันที่ทุกอย่างไม่เอื้ออำนวย แล้วทุกอย่าจะดีไปเอง. ที่เขาพูดเหมือนเขาจะรู้ว่าต่อไปภายหลังอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
5.ทุกคนที่เป็นแฟนผี ถึงจะด่า ถึงจะว่ายังไง ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยก็ยังเชียร์ ผมเชื่ออย่างนั้น
ทั้งนี้ที่ด่าเป็นพิเศษก็เพราะกลัวโดนแฟนทีมอื่นล้อนั่นแหละ ผมละเพลียใจจริงกับคำพูดของแฟนผีบางคน พรุ่งนี้ไม่กล้าไปทำงาน พรุ่งนี้ไม่กล้าไปเรียนผมว่าอันนี้ก็เกินไปนะ ฟุตบอลมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตนะครับ อย่าไปซีเรียสกับมันมากเดี๋ยวมันก็ดีของมันเองเชื่อในทีมที่ตัวเองรักซิ ไม่งั้นถ้าทีม แมนยู ไม่ดีจริง แล้วทำไมยังยืนหยัดได้ถึงวันี้ล่ะ
ปล. ผมไม่ได้เป็นคนโลกสวย แต่ถ้าคุณรักแมนยูแบบแฟนพันธ์ุแท้ คุณก็ต้องรักมันต่อไป ให้กำลังใจให้ทีมกลับมาอยู่บนเส้นทางเดิมอีกครั้ง ลองมองเอซีมิลาน ดิตอนนี้แฟนๆของเขาคงไม่ต่างจากเรามากนัก
******เพิ่มเติมอีกนิดครับ ผมได้อ่านคอลัม ของสตาร์ซอคเกอร์ ของ Jackie ฉบับวันที่ 6 ม.ค.57 หน้า 25 เปรียบเทียบไว้อย่างน่าฟัง แต่ไม่รู้จะใช้กับแมนยูได้หรือเปล่านะครับว่า
กรณี บาร์เซโลน่า ปี2003 ได้แต่งตั้ง ไรจ์การ์ด เพื่อมาคุมทีมบาซ่า ที่ต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาของทีมชุดขาว ตอนนั้น ไรจ์การ์ดคือตัวเลือกที่เข้ากับแนวทางบอลของบาร์ซ่าในตอนนั้น คือเป็นนกเตะที่เก่งกาจ มีปรัชญาการเล่นเกมส์รุก และผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่ถ้วน ซึ่งเวลานั้นแฟนบอลบาร์ซ่าต่างต้องการนักเตะที่ชื่อ เดวิด เบ็คแฮม แต่สุดท้ายก็ไปอยู่กับชุดขาว และสิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือโรนัลดินโญ่ ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับสองด้วยซ้ำ แต่เรื่องทักษะและสไตล์เข้ากับทีมมากกว่า ไรจ์การ์ดทำทีมแค่ 6 เดือนแรกโดนแฟนบอลโห่ไล่ แต่เขาก็อดทนทำทีมต่อไป ก่อนที่ปีต่อมาจะมีนักเตะอย่าง เดโก เอโต้ และมาร์เกซ มาร่วมทีมและเป็นแกนนำใหม่ พาบาร์ซาคว้าแชมป์ลีก และปีต่อมา(2006) ได้แชมป์ Ucl ซึ่งในคอลัมยังมีเนื้อหาถึงมอยด์ อีก ขอยกมาแค่นี้แล้วกันครับ
ที่ยกมาพูดเนี่ยก็แค่อยากให้มอยด์หาโอกาสและจุดเปลี่ยนของทีมให้กลับมาเป็น แมนยู อย่างที่เคยเป็นโดยเร็วที่สุดครับ
จะรักแมนยู และ เชียร์ทีมแมนยูเสมอ ถึงแม้ทีมจะย่ำแย่แค่ไหน เพราะผมไม่ได้เชียร์ทีมตามกระแสและความสำเร็จครับ