บทความจาก นายผีตองแดง ;
''โอลด์แทรพฟอร์ด(Hiroshima)''
เรากำลังเข้าสู่โลกของความเป็นจริงมากขึ้นแล้วครับ
เราจงมองในแง่ดีว่า การที่มันเกิดมหาวิปโยคครั้งใหญ่
ราวกับเหตุการณ์ ญี่ปุ่นโดน บอมส์ ที่ฮิโรชิม่า
หลังจากนั้นเป็นอย่างไร พอฟื้นตัวได้ กลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีไปเลย
กล่าวถึง แมนฯยูไนเต็ด ก็คงเช่นกัน
ผมคิดว่า หากทางเจ้าของ ซึ่งสันดราล มันขี้เหนียวอยู่แล้ว
ผลีผลาม ทุ่มเงิน มหาศาลเพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่ มันอาจจะดีวันดีคืนในเร็ววัน แต่ในทางกลับกันมันไม่คุ้มที่จะลงทุนขนาดนั้น
ถ้าผมเป็นเจ้าของเงิน ก็คงคิดเช่นนั้น เพราะกว่าจะได้ทุนคืน หมดไปเท่าไหร่ไม่รู้
ถามว่าเชลซี ลงทุนหมดไปเท่าไหร่ คุณคิดเหรอว่าได้ทุนคืนแล้ว (ไม่มีทาง) อีกนานเลยแหละ
ไม่เชื่อลองย้อนกับไปนั่งดีดตัวเลขดูก็ได้ เพียงแค่เขาไม่เปิดเผยตัวเลขที่ขาดทุนก็เท่านั้นเอง เพื่อให้เกิดความเชื่อถือในตลาดธุรกิจ
เหล่าแฟนบอล เดือดร้อน รนราน ก็จริง เที่ยวโทษคนโน้น คนนั้น คนนี้ (มันเป็นธรรมชาติ ยอมรับได้หมด)
เราลองมาเปรียบเทียบกัน จากอดีตถึงปัจจุบัน (ไปนั่งนึกเอาเองนะ)
1. แมนฯยฯ อายุทีมเท่าไหร่ /มีผู้จัดการทีมกี่คน/ ได้แชมป์ เท่าไหร่ /มีแฟนบอลเท่าไหร่ /สถิติรายได้สูงสุด เป็นต้น
2. บาเซโลน่า ………
3. รีลมาดริด …….
4. เชลซี …..
5. อาเซน่อล …….
6. ลิเวอร์พูล …….
เป็นต้น อันนี้ไม่นับพวกทีม เศรษฐีใหม่นะ
แล้วลองคิดว่า จะทุ่มเงินมหาศาลไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อทีมเรายังคงเป็น 1 ในมหาอำนาจอยู่
เพียงแค่ปีเดียว ไม่สามารถทำให้ แมนฯยู กลายเป็นทีมปลายแถวได้ เชื่อถือได้ ล้าน%
สรุปคือ
- ล้มแล้ว ลุกขึ้นใหม่อย่างแข็งแกร่ง ด้วยลำแข้งของตนเอง ไม่ใช่ด้วยเงินตรา
- แมนฯยูฯ เป็นทีมที่ไม่ใช้ผู้จัดการเปลือง เลิกหวังให้ มอยส์โดนไล่ออก หรือลาออกกลางครัน
- ถ้ามอยส์ เก่งจริง เขาจะอยู่ต่อเพื่อพาแมนฯยูฯ ขึ้นมาจากนรก ในปีหน้า (แต่ถ้าไม่เก่ง ขี้ขลาด เขาจะออกไปเอง หลังจบฤดูกาล โดยไม่ต้องมีคนไล่ออก)
- ทำใจ ยอมรับความจริงให้ได้ ว่ามันไม่มีอะไรจีรัง ยั่งยืน ได้อย่างใจเราเสมอไปหรอก
ยุบหนอ พองหนอ…..