ต้องบอกว่าสถานการณ์เหมือนกับปีที่แล้วไม่มีผิด คือแมนยูฯหากุนซือใหม่ ในขณะที่มีกุนซือสุดฮอทสองคน โดยปีที่แล้ว เป็นมูกับเป๊บ ส่วนปีนี้ มีสองคนที่พุ่งแรงสุดๆ คือคล๊อป และซิโมเน่ ในขณะที่แฟนๆ ต่างก็ต้องการกุนซือแบบ Special One ซึ่งทั้งสองคนนี่ ผมให้ความเห็นว่า เป็นกุนซือที่พิเศษ ไม่แพ้มูกับเป๊บที่ขึ้นแท่นไปแล้ว ... สุดท้าย ผมเชื่อว่า หนังเรื่องนี้คงไม่ต่างกับเรื่องเดิมเท่าไหร่ นั่นคือแมนยูฯ เอาของง่าย คงดึงหลุยฟานกัลมาทำทีมตามบท ... เล่นทอดสะพานกันขนาดนี้ ...
ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า แมนยูฯ คงเลิกฝันถึงเจอร์เก้น คล๊อปได้ เพราะพี่แกมีความภัคดีกับดอร์ทมุน ขนาดซิตี้ยังไม่สามารถดึงมาได้ ความหวังเล็กๆ อยู่ที่ซิโมเน่ ที่ยังไม่ออกโรงปฎิเสธความเป็นไปได้ เพียงแต่ว่า เจ้าตัวก็อาจจะยังคงสนุกกับทีมที่ตัวเองสร้างขึ้นกับมือก็เป็นได้... เท่านี้แมนยูฯ ก็คงไม่พยายามเอาของยากเหมือนกับปีที่แล้ว...
หวยก็มาตกที่ฟานกัล ขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่ง ซึ่งประเด็นมันก็เกิดจาก ฟานกัลได้ให้สัมภาษณ์ถึงสไตล์การทำทีมของแก ที่จะไม่นิยมเปลี่ยนแปลงสต๊าฟโค๊ชยกทีม ไม่จำเป็นต้องมีพวกติดสอยห้อยตาม แต่แกนิยมที่จะใช้ทีมงานเดิมๆ ในทีมนั้นๆ ประมาณว่าพรีเซ้นข้อดีว่าทำงานกับใครก็ได้ ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ สมัยที่คุมบาร์เยิน แกก็ใช้งานทีมงานชุดเดิม เพียงแต่ว่า สต๊าฟแมนยูฯนั้น โดนมอยส์ โละทิ้งยกชุดไปหมดแล้ว สื่อตัวดีก็เลยชักนำ ว่าฟานกัลสนใจจะดึงฮาร์ดแมน รอยคีน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวแล้ว ผมเชียร์ให้ดึงตัวซิโมเน่มากที่สุด เพราะผมว่าคนนี้ทั้งรุกและรับสมเหมาะจะประสบความสำเร็จที่สุด... แต่แนวทางการทำทีมของฟานกัลกับความเป็นไปได้ในแบบแมนยูฯ แมนยูฯ ก็เลยทำให้ไปนั่งหาข้อมูลของกุนซือชาวดัทช์คนนี้มา... ซึ่งน่าสนใจทีเดียว ก็คือแกเป็นสไตล์เดินหน้าฆ่ามัน ถอยหลังเมื่อไหร่สะดุดล้ม... แผนการทำทีมของฟานกัลก็คือ 4-3-3 โดยที่มีกองกลางตัวคุมเกม 2 ตัว และมีกลางรุก 1 คน มีหน้าเป้า หนึ่งคน และปีกสองข้าง
-------------------------------------Striker-----------------------------------
Winger--------------------------------------------------------------------Winger
----------------------------Attacking Midfield-------------------------------------
--------------Holding Midfield-----------Holding Midfield---------------------
Wingback----------------------------------------------------------Wingback
-------------------Center Half---------------Center Half-------------------------
---------------------------------Goal Keeper-----------------------------------------
ที่ผมใช้คำว่าวิงแบ็ค เป็นเพราะพี่แกเน้นบุกแหลกจริงๆ สไตล์การทำทีมของแก จะขึ้นเกมเป็นฟันปลา และเป็นสไตล์ Give and Go คือให้บอลแล้ววิ่งไปรับเป็นสามเหลี่ยมตลอด เคลื่อนที่ตลอดเวลา และมีตัวมารองบอลข้อมูลการเล่นนี้ผมดูมาจากเกมของ AZ Alkmaar ในปีที่สร้างประวัติศาสตร์ เบียด Ajax และ PSV ขึ้นมาคว้าแชมป์ได้ ก่อนที่ฟานกัลจะโยกไปคุมบาร์เยินมิวนิค คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศ และคว้ารองแชมป์ UCL ในปีแรกที่เข้าคุม
ฟังดูเหมือนโพรไฟล์ของฟานกัลดูจะเพอร์เฟค แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่มีข้อเสีย ข้อที่เป็นปัญหา ใหญ่เลยนั่นก็คือ ความเชื่อมันในตัวเองสูง และความมุทะลุ ของเค้า ในสมัยที่พาทีมล้มยักษ์ยุโรปอย่างเอซีมิลาน คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก กับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมได้ เค้าได้ย้ายไปร่วมงานกับบาร์เซโลน่าแทนที่บ๊อบบี้ร๊อบสัน อาจารย์ของมูรินโญ่ แน่นอน ก็ต้องนำเอา Total Football ในแบบของเค้าไปใช้กับบาร์ซ่า เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปัญหาใหญ่ก็คือนักเตะไม่ยอมรับ และไม่ทำตามที่แกต้องการ แถมมีปัญหากับแฟนบอลบาร์ซ่า จนสุดท้ายก็ตัดสินใจแยกทางกัน
ปัญหาอีกครั้งนึงก็คือหลังจากประสบความสำเร็จกับอัคมาร์ ก็ข้ามฟากไปคุมบาร์เยินมิวนิค ซึ่งในปีแรกถึงจะประสบความสำเร็จคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศและรองแชมป์ยุโรป โดยผ่านแมนยูฯ ไปจนถึงรอบชิงกับอินเตอร์ของมูรินโญ่ ในปีที่สองกับบาร์เยิน ทีมกลับมีผลงานตกต่ำอย่างน่าใจหาย และเสียความควบคุมในห้องแต่งตัวไป จนบาร์เยินตัดสินใจปลดฟานกัลออก มีหลายคนออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเพราะความเข้มงวดเกินเหตุของฟานกัล และไม่รับฟังความเห็นของใคร ทุกคนต้องทำตามที่เค้าบอกเท่านั้น (โคคูเคยบอกว่า ฟานกัลฟังความเห็นแต่ความเห็นตัวเองก็ใหญ่ที่สุดอยู่ดี) นี่ขนาดทีมเยอรมันที่ขึ้นชื่อว่ามีระเบียบวินัยสูง ยังรับแกไม่ไหว ดังนั้นฟานกัลก็คือระเบิดเวลาดีๆนี่เอง...
จริงๆแล้ว ความเข้มงวดและเกมรุกของแก จะว่าเป็นข้อเสียก็คงจะกรณีที่นักเตะต่อต้าน อย่างในกรณีของอัคมาร์ เป็นทีมที่นักเตะแต่ละคนโนเนม ไม่มีอีโก้ใดๆ ความเข้มงวดกลับเป็นข้อดี ทำทีมวิ่งชนความสำเร็จ แต่กับทีมอย่างบาร์เยิน หรือแมนยูฯ พ่อค้าแข้งแต่ละคนก็เทพๆ ทั้งนั้น แม้แต่เฟอร์กี้ก่อนจะรีไทร์ ยังยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถระเบิดอารมณ์กับนักเตะเหมือนสมัยก่อนได้อีกแล้ว เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป นักเตะเปลี่ยนเป็นเศรษฐีพ่อค้าแข้ง ที่มีความเปราะบางทางอารมณ์มากกว่าสมัยก่อน ไม่พอใจก็หาเรื่องย้ายทีมเอาง่ายๆ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมกลัวกับฟานกัล ก็คือนักเตะจะรับกับความเข้มงวดของแกไม่ไหว แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเชื่อมโยงของสือ ที่อ้างว่าฟานกัลมีแผนจะดึงรอยคีนมาเป็นมือขวา สำหรับผม รอยคีนยังเป็นตำนานของทีมอยู่เสมอ แม้จะจากไปแบบไม่สวย แต่หลังจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด ที่เลิกจองเวรกับเฟอร์กี้ และยอมลดเกรดตัวเอง มาเป็นผู้ช่วยมาร์ตินโอนีลในทีมชาติอย่างเซอร์ไพร้ที่สุด ผมเชื่อว่า รอยคีนได้ก้าวไปอีกขั้น เป็นผู้ใหญ่พอที่จะกลับมาร่วมงานกับแมนยูฯได้อีกครั้ง ผมเชื่อว่าแฟนบอลจะต้อนรับเค้าอย่างอบอุ่นในฐานะสต๊าฟโค๊ชที่จริงจังและเต็มร้อยเสมอ ซึ่งส่วนตัวผมว่า การที่เฟอร์กี้ไม่เข้ามาก้าวก่ายการทำงานของมอยส์ ในการต่อสัญญากับรูนี่ ก็มีสิทธิ์ ที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ อุปสรรคสุดท้ายก็คืออีโก้ของตัวรอยคีนเองเท่านั้นแหละ...
ถ้าหากแมนยูฯ ไม่เดินหน้าคว้าซิโมเน่จริงๆ ถ้าได้เห็นรอยคีน และไรอันกิ๊กซ์ ได้ร่วมงานเป็นผู้ช่วยของฟานกัล ก็เป็นอะไรที่น่าลองเสี่ยงดูเหมือนกัน