รู้สึกเหมือนตอนที่รอดเจอร์แพ้ให้กับเชลซีจนชวดแชมป์ฤดูกาลที่แล้ว คือออกสื่อแบบเสียรูปมวย ฟาดงวงฟาดงา ตอนนี้กำลังออกอาการแบบนั้นให้เห็น พยายามเล่นจิตวิทยา เริ่มจากปกป้องตัวเองจากการกว้านซื้อนักเตะเกรดบี จากเงินที่ขายซัวเรซได้ ทั้งที่ไม่มีใครไปเทียบลิเวอร์พูล กับเคสที่สเปอร์ขายเกเรธเบลเลยซักนิด แต่รอดเจอร์ก็ออกตัวไปกระทบกระเทียบสเปอร์ซะงั้น ทั้งที่ตัวเองก็เอาเงินค่าตัวซัวเรซไปกว้านซื้อนักเตะเกรดบีมาเข้าทีม...
และหลังจากจบทัวร์นาเม้นอุ่นเครื่องในอเมริกา ก่อนเตะก็ออกตัวว่าลิเวอร์พูลเจอแมนยูฯ ไม่เคยเป็นแมทช์กระชับมิตร ประมาณว่ากุจะเอาจริง ตอนออกนำเจิดก็ดูเก๊กๆ ไม่ค่อยดีใจ รอดเจอร์ก็คงกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าวัดรอยเท้ากับปรมจารย์ต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกมรุกของเค้า(ก๊อบ) พอโดนไป 3 เม็ดรวด ถึงกับเสียมวย ให้สัมภาษณ์เตือนฟานกัลว่าพรีเมียร์ลีกไม่เหมือนลีกอื่นที่เคยเจอมา ฟานกัลอ้วกแตกแน่ แถมเพ้อถึงเดวิดมอยส์ ประมาณว่าคิดถึงมาก เสียดาย (ถ้ามอยส์อยู่กุคงดูเทพกว่านี้) ออกอาการสติแตก พูดถึงทีมอื่นสะเปะสะปะ นักเตะที่เซ็นมาก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากนัก เพราะเท่าที่เห็นแทคติกลิเวอร์พูลก็มาสุดทางแล้ว ไม่ได้ดูถูกแต่ว่าเท่าที่ดูตัวที่เซ็นมา กองหลังไม่ใช่จุดอ่อนของทีม กองกลางก็ค่อนข้างทำได้ดีอยู่แล้ว แต่กลับเสียแนวรุกที่จี๊ดจ๊าด ฝากความหวังได้ แทนที่ด้วยกองหน้าเด็กๆ ส่วนตัวผมว่ายืนระยะไม่ได้แน่นอน ฟอร์มอาจจะสดสองนัด ห่วยสองนัด แทคติกดีอย่างเดียวคงไม่พอ ... ไม่แปลกใจที่ยังมีข่าวความพยายามจะซื้อตัวกองหน้ากึ่งปีกความเร็วสูง จี๊ดๆไปกะบอลได้ดี อย่างรอยส์ ลาเวซี่ หรือแม้แต่บาโลเตลี่ แต่เชื่อว่านักเตะคงไม่เอาด้วย เหตุผลง่ายๆก็คือความไม่แน่นอน และคำถามเรื่องการเงินสโมสร ... ผมไม่คิดว่าลิเวอร์พูลจะมีปัญญาจ่ายค่าเหนื่อยกับพวกที่กล่าวมา และถ้านับความดึงดูดล้วนๆ ก็ไม่ใช่สโมสรแม่เหล็กอย่างบาร์ซ่า มาดริด... บอกตรงๆ คงจะหน้าแหกเหมือนตอนเบนเซม่ากับซานเชส ปฎิเสธยังไงยังงั้น