ถ่ายกับมือ
แบบอังกฤษ
Full name George Best
Date of birth May 22, 1946
Place of birth Belfast, Northern Ireland
Date of death November 25 2005 (aged 59)
Nickname The Belfast Boy
The Fifth Beatle
Geordie[1]
Playing position Winger
Best, George, 19462005, Northern Irish soccer play, b. Belfast. Regarded as the greatest player ever in British soccer, he was signed by Manchester United in 1961. He first played for the team in 1963, and helped them win two First Division titles (1965, 1967) and the European Cup (1968). Noted for his deft ball control and fine sense of balance as well as on-field theatrics, he was adored by fans. The excesses of his playboy lifestyle contributed to the early end (1974) of his career with Manchester United, with 178 goals in 466 games. His later play with lesser teams, when he was increasingly hampered by alcoholism, never equaled his decade in the First Division.
George Best (22 May 1946 25 November 2005) was a football player from Belfast, Northern Ireland. He won the European Cup with Manchester United, and was himself named the European Footballer of the Year, in 1968, his annus mirabilis. He was a winger whose game combined pace, acceleration, balance, two-footedness, goalscoring and the ability to beat defenders. When fit, he was an automatic choice for the Northern Ireland team, but he was unable to lead them to the World Cup and display his talent on the world stage.
In 1999, Best was voted 11th, behind Marco van Basten, at the IFFHS European Player of the Century election and 16th, behind Lothar Matthäus, in the World Player of the Century election.[2] Pelé named him as one of the 125 best living footballers in his 2004 FIFA 100 list and Best was named 19th, behind Gerd Müller, at the UEFA Golden Jubilee Poll. Nevertheless, in his native Northern Ireland he is usually considered the finest player to ever take the field, summed up by the local saying: "Pelé good; Maradona better; George Best."[3] His ability was known internationally and he was the boyhood idol of Diego Maradona.[4]
He was one of the first celebrity footballers, but his extravagant lifestyle led to problems with alcoholism which curtailed his playing career[5] and eventually led to his death, at the age of 59, from a kidney infection, a side-effect of the immuno-suppressive drugs he was required to take after a liver transplant. Best's lovable, cheeky image won him many fans, during his career and after, but public drunkenness on TV, his convictions for drunk driving and assaulting a policeman, allegations of domestic violence, and his inability to give up drinking even after the transplant, meant that not everyone was so well disposed towards him. Nonetheless, 100,000 people turned out on a rainy day for his funeral in East Belfast.
แบบไทยนะ
จอร์จ เบส
ในที่สุดเทพบุตรลูกหนังแห่งทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็จากไปอย่างสงบท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติและเพื่อนสนิทโดยเบสต์จากไปด้วยวัยเพียง 59 ปีหลังจากคณะแพทย์พยายามยื้อชีวิตของเขา ที่มีอาการทรุดหนักจากโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นภายหลังผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ที่ผ่านมาเบสต์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะแห่งวงการลูกหนังเพราะเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้แมนฯยูไนเต็ด เป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่คว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ในปี 1968 ที่สำคัญยังเป็นจอมเพลย์บอยประจำวงการลูกหนังอังกฤษในยุคทศวรรษที่ 60-70 อีกด้วย
สำหรับยอดนักฟุตบอลแห่งเกาะอังกฤษรายนี้เริ่มต้นเล่นอาชีพให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 1963 ทันทีที่ลงสนามให้กับทีมดังเบสต์ ก็ฉายแววความเป็นอัจฉริยะทันที และกลายเป็นกำลังบุกสำคัญของทีมปิศาจแดง ´เบสต์ ลงเล่นให้กับ แมนฯยูไนเต็ด ในระหว่างปี 1963-1974 จำนวน 466 นัดยิงได้ 178 ประตู โดยยิงประตูพาทีมจากคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ในปี 1968 ด้วยการเอาชนะ เบนฟิก้า จาก โปรตุเกส 4-1 ซึ่งถือเป็นทีมจากเกาะอังกฤษ ทีมแรกที่ได้เถลิงบัลลังก์ถ้วยใบนี้ และครองรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรปในปีเดียวกัน โดยเป็นนักเตะ "ผีแดง" คนที่ 2 ต่อจาก เดนนิส ลอว์ ที่ได้รับรางวัลนี้ในปี 1964
เบสต์ ติดทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ 37 นัดยิงได้ 9 ประตู แต่ค่อนข้างอาภัพเนื่องจากไม่เคยไปโชว์ฝีเท้าในฟุตบอลโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลารวมถึงการใช้ชีวิตที่แบบคนดังทำให้ เบสต์ ได้ฉายาว่า "บีเทิ้ลคนที่ 5" ในฐานะ "ป๊อป-สตาร์ ฟุตบอล" คนแรกในยุค 1960 จากนั้น เบสต์ มีปัญหาเรื่องสุขภาพทำให้ฟอร์มการเล่นกับ แมนฯยูไนเต็ด ที่เคยโดดเด่นตกลงไปอีกทั้งยังเปิดไนต์คลับและเข้าสู่วงการแฟชั่นทำให้ถูกปล่อยตัวออกจากถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ในที่สุด
จากนั้น เบสต์ ไปเล่นให้กับทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟูแล่ม, สต๊อกปอร์ท เคาตี้, ฮิเบอร์เนี่ยน, แอล.เอ. อัซเทคซ์, เป็นศูนย์หน้าให้กับทีมฟอร์ต เลาเดอร์ดาล ระหว่างปี 1978-1979 และ ร่วมทีมกับ ซานโฮเซ่ เอิร์ธเควก ระหว่างปี 1980-1981 และถึงแม้ในช่วงปลายของชีวิตนักฟุตบอลเบสต์ อาจไม่สมบูรณ์เหมือนช่วงที่เป็นอัจฉริยะลูกหนังให้กับทีมแมนฯยูไนเต็ด แต่เขาก็ยังเป็นยอดนักฟุตบอลที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง
หลังย้ายเข้าย้ายออกมาหลายทีมในที่สุด เทพบุตรลูกหนังก็แขวนสตั๊ดในปี 1983 กับทีม เบิร์นเมาธ์ ด้วยวัย 37 ปี ส่วนหนึ่งที่เบสต์ ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลก่อนเวลาอันควร เนื่องจากการใช้ชีวิตส่วนตัวของเบสต์ ที่เรียกได้ว่าเสเพล หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการดื่มสุราเคล้านารี เที่ยวกลางคืน และหลงอยู่ในแสงสีของวงการบันเทิง แต่ถึงแม้จะยุติชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ เบสต์ก็ยังอยู่ในวงการฟุตบอล โดยทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ของสำนักข่าว "สกาย สปอร์ต" ในปี 1990
ด้วยความเป็นนักดื่มตัวยง ที่สุดผลร้ายก็ย้อนคืนสู่สุขภาพของเบสท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2000 ผลกระทบจากการดื่มเหล้าอย่างหนักตลอดระยะเวลา 10 ปี เริ่มแสดงอาการเมื่อ เบสต์ มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ จนกระทั่งต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตในปี 2002 และถูกสั่งห้ามไม่ให้ดื่มเหล้าอีกแต่เจ้าตัวก็ยังไม่เชื่อฟังแอบดื่มเรื่อยมา
ในช่วง 2-3 ปีหลังสุขภาพของเบสต์ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ทำให้เข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งครั้งล่าสุด เบสต์ ถูกส่งเข้ารับการรักษาในช่วงปลายเดือนตุลาคม 48 ที่โรงพยาบาลครอมเวลล์ กรุงลอนดอน จนอาการกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ก็กลับมาทรุดอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคณะแพทย์นำโดยศาสตร์จารย์ โรเจอร์ วิลเลี่ยมส์ ได้ออกแถลงการณ์ครั้งสุดท้ายว่าไม่สามารถยื้อชีวิตของตำนานลูกหนังไปได้มากกว่านี้อีกแล้วเนื่องจากเบสต์มีอาการเลือดตกในและอวัยวะในร่างกายหลายส่วนไม่ทำงาน และในที่สุดเทพบุตรลูกหนังแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษก็ต้องลาโลกไปอย่างไม่มีวันกลับ
ประวัติ จอร์จ เบสต์
เกิด 22 พฤษภาคม 1946
เกียรติประวัติกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ลงเล่นครั้งแรกในปี 1963 ลงเล่น 361 นัดทำไปทั้งสิ้น 136 ประตู
เกียรติประวัติกับทีมชาติไอร์แลนด์
ลงเล่นให้กับทีมชาติครั้งแรกในปี 1964 ลงสนามทั้งสิ้น 37 นัด ทำประตูได้ทั้งหมด 9 ครั้ง
ผลงานการครองแชมป์
ปี 1965 แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ
ปี 1967 แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ
ปี 1968 แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ
ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรปในปี 1968