ถึงจะไม่เทียบเท่ากับตอนฝนไม่ตก แต่ก็เกือบ 90% โดยคุณสมบัติของแว่นกันแดดแล้วจะทำหน้าที่กรองที่เกินความจำเป็นในการมอง เห็นและทำอันตรายของ ดวงตาออกไป
ยิ่งมีคุณสมบัติดียิ่งมีการเคลือบหรือเทคนิค ในการผลิตดีตาม และราคาสูง ดังนั้นถ้าเป็น เรื่องนี้ไม่ควรประหยัด
เมื่อเม็ดฝนที่ตกหนักตามแรงโน้มถ่วงของโลก จากที่สูง ขนาดของเม็ดฝนซึ่งมีขนาด ต่างๆ ตกกระทบฝากระโปรงหน้าด้วยแรงกระแทกมหาศาลทำให้เม็ดฝนแตก กระจายอย่างละเอียด รวมทั้งบนหน้ากระจกรถ ของเราด้วย
ในตอนกลางคืนหรือกลางวันก็ตาม จะมีแสงจากธรรมชาติอยู่แล้ว หรืออาจจะมาจากที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็น แสงสว่างต่างๆ
เม็ดฝนมีการสะท้อนแสง หรือบางขณะก็รวมตัวกันมากๆ แบบไม่เป็นระเบียบ จึงทำให้ภาพที่เรามองไป
ข้างหน้าบนถนน มี " ตัวกลาง " มากั้น ซึ่งก็คือม่านน้ำฝน และละอองฝน ซึ่งตัวมันเองก็มีค่าดัชนีหักเหอยู่ แล้ว เมื่อบวกกับการสะท้อนแสง ของละอองฝน ทำให้ทัศนวิสัยจึงแย่มาก
แว่นกันแดดจึงกรองแสงจ้าที่เกิดการสะท้อนจากละอองฝน และสายฝนที่อาบอยู่ บนกระจกหน้ารถ ชนิดที่
เรียกว่า ที่ปัดน้ำฝน speed แรงสุดก็เอาไม่อยู่ ออกไป
จึงทำให้ทัศนวิสัยในขณะขับรถตอนกลางคืน ฝนตกหนัก เยี่ยมมาก
ดังนั้นจึงสามารถใช้ความเร็วได้ในระดับหนึ่ง และปลอดภัยมาก
ผมยังเชื่อว่า ถ้าเป็นตอนกลางวัน และฝนตกหนัก ก็น่าจะใช้ได้เหมือนกัน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ผมหวังว่าความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ตรงครั้งนี้ คงเป็นประโยชน์กับทุกคน
ถ้าใครได้ทดลองใช้ก็นำ มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
สุดท้ายนี้ภาพที่คมชัด ขึ้นกับคุณภาพแว่นกันแดดด้วย