Home

ว่ากันเรื่องศาสนาพุทธ (ความหมายของนิพพาน)

คุยเรื่องเพลง หนังสือ ภาพยนตร์ และเรื่องอื่นๆ ทั่วไป

ว่ากันเรื่องศาสนาพุทธ (ความหมายของนิพพาน)

โพสต์โดย JesusLoveU » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 00:09

คือ ผมงง เหลือกัน กับความหมายคำว่า นิพพาน เนี่ย มันยังไงแน่ เอาเป็นว่า ถามแค่ว่า ความหมายคือ ดับสูญ หรือ นิรันดร์ กันแน่ ใครก็ได้ ช่วยที
เส้นทางชีวิต(ของผม) ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ปูด้วยพื้นหญ้าสีเขียว มีประตูอยู่ 2 ฝั่ง และลูกฟุตบอล
JesusLoveU
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 527
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 20:37
ที่อยู่: Old Trafford

อ้างอิงจากวิกิพีเดียนะครับ ลองดูนะ

โพสต์โดย CA46 » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 00:22

นิพพาน หมายถึง สภาพที่ดับกิเลสและกองทุกข์แล้ว ภาวะที่เป็นสุขสูงสุด เพราะไร้ทุกข์ เป็นอิสรภาพสมบูรณ์

"นิพพาน" จากบาลี Nibbāna निब्बान ประกอบด้วยศัพท์ นิ(ออกไป, หมดไป, ไม่มี) + วานะ (พัดไป, ร้อยรัด) รวมเข้าด้วยกันแปลว่า ไม่มีการพัดไป ไม่มีสิ่งร้อยรัด คำว่า "วานะ" เป็นชื่อเรียกกิเลสตัณหา กล่าวโดยสรุป นิพพานคือการไม่มีกิเลสตัณหาที่จะร้อยรัดพัดกระพือให้กระวนกระวายใจ อันเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

พระอนุรุทธาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์อภิธรรมมัตถสังคหะ ได้พรรณนาคุณของนิพพานว่า ปทมจฺจุตฺ มจฺจนฺตํ อสงฺขตมนุตฺตรํ นิพฺพานมีติ ภาสนฺติ วานมุตฺตามเหสโย "พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้พ้นแล้วจากตัณหาเครื่องร้อยรัด ทรงตรัสถึงสภาวะธรรมชาติหนึ่งที่เข้าถึงได้ เป็นธรรมชาติที่ไม่จุติ พ้นจากขันธ์ 5 ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใด ๆ เลย หาสภาวะอื่นเปรียบเทียบไม่ได้ ว่าสภาวธรรมนั้นคือพระนิพพาน"

คัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะกล่าวถึงนิพพาน 2 ประเภท คือ

สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุยังมีอุปาทิเหลือ ยังเกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์ กล่าวคือดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุที่ไม่มีอุปาทิเหลือ หรือนิพพานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์ กล่าวคือดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลืออยู่อีก

[แก้] สภาวะของนิพพานจากหลักฐานในพระไตรปิฎก
คำว่า "นิพพาน" เป็นคำที่ใช้กันในปรัชญาหลายระบบในอินเดีย โดยใช้ในความหมายของความหลุดพ้น แต่การอธิบายเกี่ยวกับสภาวะของนิพพานนั้นแตกต่างกันออกไป ในปรัชญาอุปนิษัทเชื่อว่า นิพพานหรือโมกษะ คือการที่อาตมันย่อยหรือชีวาตมันเข้ารวมเป็นเอกภาพกับพรหมัน แต่ในพระพุทธศาสนาอธิบายว่า นิพพานคือการหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา ซึ่งแสดงออกในรูปของโลภะ โทสะ และโมหะ มิได้หมายความว่าเป็นการหลุดพ้นของอัตตาหรือตัวตนในโลกนี้ ไปสู่สภาวะของนิพพานเช่นเดียวกับคำสอนอุปนิษัท แต่หมายถึงความดับสนิทแห่งความเร่าร้อนและเครื่องผูกพันร้อยรัดทั้งปวง ซึ่งเรียกว่าเป็นความทุกข์

คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท ระบุไว้ชัดเจนว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารระบุว่า อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้" (วิ.ป.บาลี 8/257/194)

ในพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคระบุว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" และในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาตมีระบุว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ซึ่ง "ธรรม" ในที่นี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายต่อว่า "หมายรวมถึงนิพพานด้วย" นอกจากนี้ ยังมีข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกอีกหลายแห่งทั้งที่ระบุโดยตรงและโดยอ้อมที่มีนัยบอกว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" คำว่า "อนัตตา" มีความหมายระดับปรมัตถ์ มีนัยที่ต้องไขความต่ออีก โดยเฉพาะในคัมภีร์ชั้นหลังจะบอกว่า "ที่ชื่อว่าเป็นอนัตตา เพราะเกิดขึ้นจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน ไม่มีตัวตนที่เป็นแก่นเป็นแกนอยู่ ไม่มีตัวตนที่คงที่ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีอำนาจในตัวเอง บังคับให้เป็นไปในอำนาจไม่ได้ แย้งต่ออัตตา"

ในคัมภีร์มิลินทปัญหา พระนาคเสนทูลแก้ปัญหาของพระยามิลินท์ที่ทรงถามว่า ถ้านิพพานไม่มีที่ตั้งอาศัย นิพพานก็ย่อมไม่มี โดยกราบทูลว่า

"ขอถวายพระพรมหาบพิตร โอกาสอันเป็นที่ตั้งของนิพพานหามีไม่ แต่นิพพานนั้นมีอยู่ พระโยคาวจรผู้ปฏิบัติชอบ ย่อมทำให้แจ้งนิพพาน ด้วยการพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย มหาบพิตร เหมือนดั่งว่าชื่อว่าไฟย่อมมีอยู่ แต่โอกาสอันเป็นที่ตั้งของไฟนั้นหามีไม่ เมื่อบุคคลเอาไม้สองอันมาขัดสีกันก็ย่อมได้ไฟขึ้นมาฉันใด มหาบพิตร นิพพานก็มีอยู่ฉันนั้นนั่นแล โอกาสอันเป็นที่ตั้งของนิพพานนั้นไม่มี (แต่)พระโยคาวจรผู้ปฏิบัติชอบ ย่อมทำนิพพานให้แจ้งด้วยการพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย..."(มิลินฺท.336)

ในคัมภีร์รุ่นอรรถกถา ยังมีข้อความแสดงสภาวะของนิพพานอีกหลายแห่ง เช่นในปฏิสัมภิทามรรค มีอธิบายว่า นิพฺพานธมฺโม อตฺตสฺเสว อภาวโต อตฺตสุญฺโญ "ธรรมคือนิพพาน ว่างจากอัตตา เพราะไม่มีอัตตา" (ขุ.ป.อ.2/287) นอกจากนี้ในวิสุทธิมรรค พระพุทธโฆสะพยายามอธิบายให้เห็นถึงความไม่มีตัวตนของผู้ได้ชื่อว่าบรรลุนิพพาน ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีอัตตา และนิพพานก็มิใช่สิ่งที่จะต้องมีอัตตาถึงจะมีอยู่ได้ ดังที่พระพุทธโฆสะกล่าวว่า "นิพพานมีอยู่ แต่ไม่มีผู้เข้าถึงนิพพาน มรรคามีอยู่ แต่ปราศจากผู้ดำเนินไป" (วิสุทฺธิ.3/101) ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีตัวตนบุคคลใด ๆ ที่ปฏิบัติตามมรรค 8 แล้วบรรลุนิพพาน เมื่อปราศจาก "ตัวตน" ของผู้เข้าถึงนิพพาน นิพพานก็ย่อมไม่ใช่อัตตาไปด้วย

ความมีอยู่ของพระนิพพาน มิใช่สภาวะที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของจิต แต่มีอยู่โดยตัวของตัวเอง คือเป็นความจริงขั้นปรมัตถสัจ ที่ตรงข้ามกับสมมติสัจในโลกแห่งปรากฏการณ์ มีสภาวะที่เที่ยง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดดับสลับกันไปแบบสิ่งต่างๆ ในโลก นิพพานจึงเป็นอสังขตธรรมที่พ้นไปจากปัจจัยปรุงแต่ง ในสภาวะของนิพพานทั้งนาม(จิต) และรูป ย่อมดับไม่เหลือ ดังพุทธวจนะในเกวัฏฏสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ได้กล่าวถึงนิพพานว่าเป็น "ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใสโดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ อุปาทยรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ เพราะวิญญาณดับ นามและรูปย่อมดับ ไม่มีเหลือในธรรมชาติ ดังนี้ฯ" (ที.สี.14/350) เพราะฉะนั้น นิพพานจึงไม่ใช่จิต หรือสัมปชัญญะบริสุทธิ์ ซึ่งนั่นเป็นลักษณะของพรหมมันหรืออาตมันของปรัชญาฮินดู ทั้งยังไม่ใช่เจตสิกที่อาศัยจิตเกิดขึ้น เพราะทั้งจิตและเจตสิกนั้นล้วนเป็นสังขตธรรม ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยปรุงแต่ง มีธรรมชาติเกิดดับ มีการเปลี่ยนแปร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆ แต่นิพพานอยู่เหนือสภาพเช่นนี้ และว่างเปล่าจากสิ่งเหล่านี้ ขณะเดียวกัน นิพพานก็ไม่ใช่ความดับสูญอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นลักษณะของอุจเฉททิฏฐิการใช้ภาษาอธิบายนิพพานเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นอัตตาเที่ยงแท้ (สัสสตทิฏฐิ)หรือว่าเป็นความขาดสูญ (อุจเฉททิฏฐิ) ซึ่งเป็นทัศนะที่คลาดเคลื่อนจากพระบาลีทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงอธิบายว่า พระอรหันต์ผู้บรรลุนิพพานเมื่อดับขันธ์แล้วจะอยู่ในสภาพเช่นใด การอธิบายทำได้ในลักษณะเพียงว่า นิพพานคือการดับทุกข์ สิ้นตัณหา เหมือนไฟที่ดับจนสิ้นเชื้อไม่สามารถที่จะลุกลามขึ้นมาได้อีก สำหรับพระอรหันต์ที่ปรินิพพานแล้วนั้น พระพุทธองค์ไม่ทรงตรัสยืนยันถึงความมีอยู่หรือความดับสูญ พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว ทั้งเทวดาและมนุษย์จะไม่สามารถเห็นพระองค์อีกต่อไป "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต" (ที.สี.14/90) ในคำสอนพระพุทธศาสนา ไม่มีอัตตาใดเข้าสู่นิพพาน และไม่มีอัตตาดับสูญในภาวะแห่งนิพพาน แม้ในโลกแห่งปรากฏการณ์ เบื้องหลังเบญจขันธ์อันไม่เที่ยงนั้น ก็มิได้มีอัตตาซึ่งเป็นผู้รับรู้หรือเป็นพื้นฐานแห่งตัวตนที่เที่ยงแท้อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกอยู่ในรูปของกระบวนการที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทั้งรูปธรรมแนะนามธรรม กระบวนการแห่งนามรูปที่สมมติว่าเป็น ตัวตน สัตว์ บุคคล เราเขา นี้ เมื่อวิวัฒนาการไปจนกระทั่งถึงที่สุด ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปก็เป็นอันยุติลง สภาพความสิ้นสุดกระบวนการแห่งนามรูปที่ไม่เที่ยงแปรปรวนอยู่ทุกขณะนี้ เรียกว่านิพพาน เมื่อรูปและนามดับ นิพพานจึงไม่ใช่ทั้งจิตและสสารซึ่งต้องอาศัยเหตุปัจจัยในการดำรงอยู่ พระนิพพานตั้งอยู่โดยไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัย จึงเรียกว่า อสังขตธรรมในพระไตรปิฎกมักเปรียบนิพพานว่าเหมือนกับไฟที่ดับแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่าไฟที่ดับไปนั้นหายไปไหนหรืออยู่ในสภาพใด

นิพพานเป็นธรรมที่พ้นไปจากโลก การอธิบายนิพพานโดยอาศัยพื้นฐานในทางโลกตลอดจนภาษาทางตรรกวิทยาจึงไม่อาจกระทำได้ การจำกัดความจึงมักใช้การปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ไม่ใช่ทั้งสิ่งนั้นและสิ่งนี้ ไม่มีการอุบัติ ไม่มีการจุติ ไม่มีองค์ประกอบ ไม่มีการสร้างสรรค์ ไม่มีการแตกทำลาย ไม่ใช่ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นต้น ดังปรากฏในพาหิยสูตร ความว่า "ดิน น้ำ ไฟ และลม ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด ในนิพพานธาตุนั้น ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง พระอาทิตย์ย่อมไม่ปรากฏ พระจันทร์ย่อมไม่สว่าง ความมืดย่อมไม่มี ก็เมื่อใดพราหมณ์ชื่อว่าเป็นมุนีเพราะรู้ (สัจจะ 4) รู้แล้วด้วยตนเอง เมื่อนั้นพราหมณ์ย่อมหลุดพ้นแล้วจากรูปและอรูป จากความสุขและความทุกข์..." (ขุ.ขุ.อ.25/50)

เมื่อนิพพานพ้นไปจากบัญญัติในทางโลก การอธิบายถึงนิพพานจึงเป็นเพียงการเปรียบเทียบ เช่น เปรียบเทียบกับความว่างเปล่า หรือไฟที่ดับไป เป็นต้น ในวิสุทธิมรรคกล่าวว่า "เพราะพระนิพพานเป็นคำสุขุมนัก...เป็นธรรมที่ต้องเห็นด้วยอริยจักษุ เป็นธรรมอันบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยมรรค (เท่านั้น) จะพึงถึงได้" นิพพานจึงมิใช่เรื่องของการเข้าใจ แต่อยู่ที่การเข้าถึง อันเป็นผลจากการปฏิบัติธรรมของตนเอง


[แก้] อ้างอิง
ขุทฺทกนิกาเย ธมฺมปท อุทาน อิติวุตฺตก สุตตนิปาตปาลิ.กรุงเทพฯ :มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2500.
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค.กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2539.
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค.กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์การศาสนา, 2500.
มิลินฺทปญฺหา.กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2540.
ธรรมปิฎก,พระ.พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2546.
ธรรมปิฎก,พระ.พุทธธรรม.พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพ ฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2538.
พุทธทัตตะ,พระ.อภิธัมมาวตาร บาลี-ไทย.กรุงเทพฯ : มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ,2530.
พุทธทาสภิกขุ. อนัตตาของพระพุทธเจ้า.กรุงเทพฯ : ธรรมสภา,2542.
วินยปิฎเก ปริวารปาลิ.กรุงเทพฯ :มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2500.
สุชีพ ปุญญานุภาพ.พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน.กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย,2539.
เสถียร โพธินันทะ.ธรรมฐิติญาณกับนิพพานญาณ และหลักสุญญตา.กรุงเทพฯ :แพร่พิทยา,2526.
อนุรุทธะ,พระ.อภิธัมมัตถสังคหะ.กรุงเทพ ฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย,2506.
G.P. Malalasekera. The Truth of Anatta.Kandy:Buddhist Publication Society,1966.
Gombrich, Richard Francis.Theravāda Buddhism : a social history from ancient Benares to modern Colombo.London:Routledge & Kegan Paul,1988.
ปริวาร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๘
ฉันนสูตร สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗
อุปปาทสูตร อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐
ธาตุสูตร ขุททกนิกาย พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99".
CA46
ทดสอบฝีเท้า
ทดสอบฝีเท้า
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 24, 2006 12:25
ที่อยู่: อ.เมือง จ.เชียงใหม่

โพสต์โดย ronalboyz » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 00:43

จัดมาได้แจ่มมากครับ ตามนั้นเลย
รูปภาพ

http://www.khakher.com เดินให้กันจนขาเขอะ !
ภาพประจำตัวสมาชิก
ronalboyz
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 3776
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 19, 2005 12:43
ที่อยู่: ยอดเขาขนาบน้ำ

โพสต์โดย bossy_23 » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 00:43

ข้อมูลสุดยอดมากครับ ขอตบมือให้ดังๆ แปะ แปะ แปะ !
รูปภาพ
bossy_23
ผู้เล่นเยาวชน
ผู้เล่นเยาวชน
 
โพสต์: 170
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 02, 2007 04:35
ที่อยู่: บนสนาม

โพสต์โดย oofiizer » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 01:00

ตาลายอ่า ยาวจิง...
<center>รูปภาพ
</center>
oofiizer
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 4411
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 01:35
ที่อยู่: คุกนรก อิมเพลดาวน์

โพสต์โดย Mamadou Sakho » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 01:39

ทำเอาอึน
Mamadou Sakho
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 7976
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 08, 2007 00:23

โพสต์โดย พี่สาวขี้จัง » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 09:27

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ :D
จ ะ "ดี" จ ะ "ชั่ ว" อ ยู่ ที่ ตั ว ทำ
จ ะ "สู ง " จ ะ "ต่ำ" อ ยู่ ที่ ทำ ตั ว *
\(+__+'')/
ภาพประจำตัวสมาชิก
พี่สาวขี้จัง
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 5205
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 23:16

โพสต์โดย ryan_gig11 » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 10:02

ขอบคุณข้อมูลเยอะดีครับ
แม้หมดเรี่ยวแรงอ่อนล้า แม้ล้มลุกคลุกคลานโรยรา แม้ไม่ได้ดั่งใจหวังปราถนา แต่จะรักเธอเสมอไป ...........ผีแดง
ryan_gig11
ผู้เล่นเยาวชน
ผู้เล่นเยาวชน
 
โพสต์: 176
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ย. 08, 2005 09:07

โพสต์โดย littlebabiiez » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 10:27

ยาวจิง อ่านไม่ไหมดแฮะ ตาลาย
<center>
รูปภาพ</center>
littlebabiiez
ผู้เล่นสำรอง
ผู้เล่นสำรอง
 
โพสต์: 469
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 23:51
ที่อยู่: Old Trafford

โพสต์โดย RoOnEyIcE » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 10:58

ตามนั้นคับ :oops:
ราฟา : ทีมเราเริ่มแสดงฟอร์มเทพออกมาอีกครั้ง
เหี่ยว : หึหึ
มูลิงโง่: ...
ท่านเซอร์ : เราจะป้องกันแชมป์
รูปภาพ
RoOnEyIcE
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 3831
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 02, 2006 19:04
ที่อยู่: MANCHESTER

โพสต์โดย JesusLoveU » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 13:18

ขอบคุณครับ ตกลง มันคือ ดับสูญสิ้นใช่ป่ะ
เส้นทางชีวิต(ของผม) ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ปูด้วยพื้นหญ้าสีเขียว มีประตูอยู่ 2 ฝั่ง และลูกฟุตบอล
JesusLoveU
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 527
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 20:37
ที่อยู่: Old Trafford

โพสต์โดย MiNt » จันทร์ พ.ย. 05, 2007 20:39

เหอๆ ..ไม่อ่านอ่ะ ..เกลียดวิชาพระพุทธสุดสุดเลย ..เรียนทีไรเป็นหลับ ..เซง

** แต่ก้อขอบคุนสำหรับข้อมูล ..หุหุ
รูปภาพ

รูปภาพ
MiNt
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 6349
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 05, 2007 17:56
ที่อยู่: ในใจนักเตะผีแดง..


ย้อนกลับไปยัง สัพเพเหระ

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: MetaBot และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน



ดูบอลสด   789BET   Hi88   https://789bethv.com/   kubet   ok9   MB66   Sunwin   UFA168   UFA365   Ufabet   F8bet   luongson tv   f8bet   Xem bóng đá Cakhia TV   SHBET   kèo nhà cái   https://hi88o.com/   188bet   Hi88   sunwin   AE888   kubet   bet88   F168   F168   bong 88   MB66   MB66   Hi88   789bet   https://shbet.cruises/   SHBET   trang cá cược bóng đá   f168   shbet   bj88   ok9   go88   https://bshbet.com/   78win   https://j88com.today/   33win   33win   33win   33win   hello88   s666   bong 88   hello 88   b52 club   bk8   bong88   ee 88   iwin   8x bet   w 88   fb88   8day   8day   bong88   fun88   f8bet   FB88   FB88   W88   I9BET   I9BET   77BET   TYPHU88   iwin   Kèo nhà cái   78win   jun88   f168   https://hi88.chat/   78win   lương sơn tv   f168   Lương Sơn TV   King88   mmlive   mmlive   vn88   bong88   xin88   đánh bài   https://mb66co.com/   bk8   Fun88   789club   ku bet   sunwin   w88   sunwin   F168   NEW88   xin88   https://mb66.racing/   https://shbet.rentals/   789club   hi88   https://f168.studio/   78win   78win   UFABET168   xoilac   cakhia   xoilac   xoilac   xoilac   xoilac   F168   phim sex viet   Jun88   Jun88   hi88  

© 2001-2025 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC