หากจะให้จัดอันดับลีกฟุตบอลที่มีแฟนบอลให้ความสนใจมากที่สุดในโลก แน่นอนหลายคนคงจะหันไปมองที่เวทียุโรปเป็นแน่ แต่หากนับกันเฉพาะในเอเชีย ชื่อของฟุตบอลญี่ปุ่น หรือที่เรารู้จักกันดีว่า เจ-ลีก ย่อมต้องผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรกเป็นแน่ จริงอยู่แม้แวดวงฟุตบอลของญี่ปุ่นจะไม่สามารถตีตลาดได้มากเท่ากับบรรดาหลายลีกในยุโรป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถพัฒนาลีกในประเทศให้มีความใกล้เคียงกับยุโรปเข้าไปทุกที
ฟุตบอลลีกของญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1965 โดยครั้งนั้นใช้ชื่อว่า "เจแอสแอล" และมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันเพียงแค่ 8 ทีมเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถครองใจคนในประเทศได้เนื่องจาก กีฬาอันดับหนึ่งของประเทศยังคงเป็น เบสบอล ที่มีการก่อตั้งมาก่อนหน้านี้เกือบ 20 ปี แต่แม้ฟุตบอลลีกจะไม่เป็นที่นิยมของคนในประเทศ แต่ก็ยังมีการจัดการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องจนในปี 1993 วงการฟุตบอลญี่ปุ่นถือว่ามีการพลิกโฉมหน้าครั้งยิ่งใหญ่เมื่อ สมาคมฟุตบอลได้มีการปรับรูปแบบการแข่งขันและใช้ชื่อว่า "เจ-ลีก"
ฟุตบอลเจ-ลีก หรือลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1993 ซึ่งนับตั้งแต่มีการก่อตั้งฟุตบอลเจ-ลีก ขึ้นมา ปีนี้ก็นับเป็นปีที่ 14 เข้าไปแล้ว โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขัน พยายามที่จะพัฒนาให้มีรูปแบบการแข่งขันให้เหมือนกับในทวีปยุโรป โดยมีการเปลี่ยนกฎ กติกา เรื่อยมาและมาลงตัวเอาเมื่อฤดูกาล 2005 ฝ่ายจัดการแข่งขันมีจุดประสงค์ของการก่อตั้งฟุตบอลลีกภายในของประเทศขึ้นมา 3 ข้อ
1.เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของวงการฟุตบอลให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
2.เพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมทางด้านกีฬา และพัฒนาสภาพร่างกายและจิตใจของประชากรในประเทศ
3.เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีและแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
ซึ่งทั้งสามข้อที่กล่าวมา สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น สามารถทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะปัจจุบันวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ก้าวขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าของทวีปเอเชียแล้ว การคว้าแชมป์เอเชีย 3 สมัย คือสี่งที่สามารถการันตีได้เป็นอย่างดี ในระดับโลก ญี่ปุ่น ก็สามารถต่อกรกับทีมจากทวีปอื่นๆ ทั่วโลกได้อย่างสูสี อันจะเห็นได้จากการที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการลงเล่นในบ้านก็ตาม
สภาพร่างกายและจิตใจของประชากรในประเทศดีขึ้น สภาพร่างกายเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประชากรมีขนาดส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อันมีผลมาจากการเล่นกีฬาและใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าช่วย สภาพจิตใจก็ดีขึ้น อย่าลืมว่าญี่ปุ่น ก็เป็นประเทศหนึ่งที่แพ้สงคราม ย่อมต้องมีความบอบช้ำทางจิตใจแน่นอน การปลูกฝังให้เยาวชนในประเทศรักกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทย เราน่าจะเอาอย่างบ้าง
รูปแบบและระบบการแข่งขัน ก่อนหน้านี้สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นมีมติให้จัดรูปแบบการแข่งขันแบบหาแชมป์ของแต่ละเลก (ของญี่ปุ่นจะเรียกสเตจ) โดยแชมป์ของแต่ละสเตจจะต้องมาเตะกันแบบเหย้า-เยือน เพื่อหาแชมป์ในแต่ละปี แต่ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ พยายามที่จะพัฒนารูปแบบการแข่งขันให้เหมือนกับในทวีปยุโรป คือมีการใช้กฎ กติกา ที่เป็นมาตรฐานสากล และได้มีการหารือถึงเรื่องการจัดการแข่งขันแบบลีกอื่นๆ ทั่วโลก คือไม่ต้องนำแชมป์ของแต่ละสเตจ มาเจอกันเหมือนอย่างที่แล้วๆ มาซึ่งมีกำหนดให้เริ่มใช้ตั้งแต่ฤดูกาล 2005 เป็นต้นไป นอกจาก ฟุตบอลลีกภายในประเทศแล้ว ยังมีฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ จัดขึ้นในประเทศอย่างมากมาย ไม่ต่างจากในทวีปยุโรป โดยแบ่งออกเป็น
เจ 1 หรือ ลีกสูงสุดของประเทศ ประกอบด้วยทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นการลงสนามพบกันหมดเตะแบบเหย้าเยือน ทีมที่สามารถครองอันดับหนึ่งได้เมื่อจบฤดูกาลจะได้แชมป์ไปครอง ส่วนอันดับที่ 17 และ 18 จะต้องถูกลดชั้นไปเล่นในระดับ ดิวิชั่น 2 ส่วนอันดับที่ 16 ของตารางจะต้องลงเตะเพลย์ออฟ เหย้าเยือนกับทีมอันดับที่สามจากดิวิชั่น 2 เพื่อหาทีมที่จะได้สิทธิ์ลงแข่งขันใน เจ 1 ต่อไป
เจ 2 หรือ ลีกอันดับสองของประเทศ ประกอบด้วยทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 13 ทีม รูปแบบการแข่งขันจะเป็นการลงสนามพบกันหมดเตะแบบเหย้าเยือน โดยจะต้องเตะทั้งหมด 52 นัดคือจะต้องเจอกันทีมละสี่ครั้ง เตะในบ้านสองนัด และเยือนสองนัด เมื่อจบฤดูกาลจะเอาทีมแชมป์และรองแชมป์ขึ้นไปเล่น เจ 1 ส่วนอันดับที่สามจะต้องไปเตะเพลย์ออฟ เหย้าเยือนกับทีมอันดับที่ 16 ของ ดิวิชั่น 1 เพื่อหาทีมที่จะได้สิทธิ์ลงแข่งขันใน เจ 1 ในฤดูกาลหน้า
เจเอฟแอล หรือ ลีกอันดับสามของประเทศ ประกอบด้วยทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นการลงสนามพบกันหมดเตะแบบเหย้าเยือน ทีมที่สามารถครองอันดับหนึ่งและสอง จะได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่น เจ 2 แต่มันมีข้อแม้อยู่ว่า ทีมที่จะเข้าร่วมใน เจ-ลีก จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ต้องมีบริษัทหรือธุรกิจให้การสนับสนุนในเรื่องของค่าใช้จ่าย
2.ต้องมีผู้เล่นในทีมไม่ต่ำกว่า 15 คน และ ผู้ฝึกสอนในทีมต้องได้รับใบรับรองจากทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น
3.ต้องมีสนามเหย้าเป็นของตัวเอง โดยสนามต้องมีความยาว 105 เมตร กับ ความกว้าง 68 เมตร และต้องมีจำนวนผู้ชมเฉลี่ย 1,500 คนต่อหนึ่งนัด ส่วนในเรื่องของที่นั่งหากสามารถก้าวขึ้นไปเล่นในระดับดิวิชั่น2 สนามต้องมีความจุขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 คน แต่หากสามารถก้าวขึ้นไปเล่นในระดับดิวิชั่น 1 สนามต้องมีความจุขั้นต่ำอยู่ที่ 15,000 คน
4.ทีมที่เข้าร่วม เจ-ลีก จะต้องมีนักเตะทั้งหมดสี่ทีมด้วยกัน ประกอบด้วย นักเตะชุดใหญ่ของทีม ,นักเตะชุดอายุไม่เกิน 18 ปี, นักเตะชุดอายุไม่เกิน 15 ปี และ นักเตะชุดอายุไม่เกิน 12 ปี ซึ่งข้อนี้ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นให้เวลาสามปีในการสร้างทีม
5.สโมสรที่เข้าร่วมต้องมีที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามันแสดงถึงความเป็นมืออาชีพได้เป็นอย่างดีและไม่ต้องแปลกใจหากผลงานของนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นจะดีวันดีคืน สาเหตุก็ไม่ใช่ไกลอื่น นั่นก็เพราะพวกเขามีลีกภายในที่แข็งแกร่ง ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่าซักวันบ้านเราจะมีลีกอาชีพที่แข็งแกร่งอย่างประเทศเพื่อนบ้านบ้าง