ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ค วันเกิด 31 ธันวาคม 1960 (64 ปี)
สถานที่เกิด นอร์ธัมเบอร์แลนด์, อังกฤษ ส่วนสูง 183 ทีมชาติ อังกฤษ ชุดบี เข้าร่วมทีม 17 ธันวาคม 1987
ถือว่าเป็นนักเตะที่คุ้มค่าทุกปอนด์ในราคา 825,000 ปอนด์ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จ่ายเป็นค่าตัวของเขาให้กับนอริช ซิตี้ โดยตอนนั้นเขาย้ายมาในเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่จะอายุครบ 27 ปีในเดือนธันวาคม 1987 ถือเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดเท่าที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำมา
สตีฟ บรูซ ได้ยืนเป็นกองหลังตัวกลางคู่กับ แกรี่ พัลลิสเตอร์ และทั้งคู่ก็ได้รับการยอมรับว่าทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งราวกับหินผา ทั้งคู่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 1993, 1994 และ 1996 ในฐานะทีมที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ เช่นเดียวกับความสำเร็จในยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ (1991), เอฟเอ คัพ (1994 และ 1996) และลีก คัพ (1992)
ประตูที่น่าจดจำสำหรับบรูซก็คือการขึ้นโขกท้ายเกมคนเดียว 2 ประตูในเกมที่พบกับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ นั่นช่วยให้ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 1992/93 ได้สำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นพลังขับเคลื่อนสโมสรเข้าสู่ฟุตบอลในยุคสมัยใหม่อย่างแท้จริง
บรูซนั้นเป็นผลผลิตจากวอลล์เซนด์ บอยส์ คลับ อันโด่งดัง สโมสรแห่งนี้ปั้นนักเตะอย่าง อลัน เชียเรอร์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ และรายล่าสุดที่มีชื่อเสียงก็คือ ไมเคิล คาร์ริค แต่สำหรับบรูซนั้นเส้นทางสู่อาชีพค้าแข้งก็มีปัญหาอยู่บ้าง ในวัย 16 ปีเขาถูกปฏิเสธจากทั้งซันเดอร์แลนด์, โบลตัน วันเดอเรอร์ส, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ และเซาธ์พอร์ต โดยทุกทีมให้เหตุผลว่าตัวของเขาเล็กเกินไป บรูซถึงกับต้องหันไปทำงานเป็นช่างประปาฝึกหัดให้กับบริษัทสวอน ฮันเตอร์ แต่ก่อนที่เขาจะหันไปทำแบบเต็มตัว เขาก็ได้รับข้อเสนอจากจิลลิ่งแฮมยื่นเข้ามา
หลังจากที่ได้ประเดิมสนามในลีกให้กับจิลลิ่งแฮมในช่วงต้นฤดูกาล 1979/80 ซึ่งเขาเพิ่งมีอายุแค่ 17 ปี เขาก็ได้ลงสนามอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งลงเล่นให้สโมสรไปมากกว่า 200 เกม จากนั้นนอริช ซิตี้ ก็จ่ายเงิน 135,000 ปอนด์คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในเดือนสิงหาคม 1984 โดยที่แคร์โรว์ โร้ด นั้น บรูซคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้ด้วยในปี 1985 จากนั้นในปีต่อมาก็คว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ก่อนที่จะย้ายมาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด น่าแปลกที่เขาไม่เคยถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเลย เขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ติดทีมสิงโตคำรามชุดบีเท่านั้นเอง
เขาย้ายออกจากทีมปีศาจแดงแบบไร้ค่าตัวในปี 1996 โดยไปเล่นกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ตลอดเวลา 9 ปีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาลงเล่นไปทั้งหมด 414 เกม และยิงประตูได้ 51 ลูก ที่ยิงได้มากขนาดนั้นก็เพราะว่าเขารับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษให้กับทีมด้วย และในฤดูกาล 1990/91 เขาก็ถึงกับเป็นดาวซัลโวร่วมรวมทุกรายการของทีมเลยด้วยจำนวน 19 ประตู
ในปี 1998 เขาเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม จากนั้นก็มารับงานที่ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์, วีแกน แอธเลติก (2 สมัย), คริสตัล พาเลซ, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และซันเดอร์แลนด์ โดยทุกวันนี้เขาทำหน้าที่เป็นกุนซือฮัลล์ ซิตี้ ทำศึกพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2013/14 อยู่
|