ตำแหน่ง กองกลาง วันเกิด 8 กันยายน 1994 (30 ปี)
สถานที่เกิด โปรตุเกส ทีมชาติ โปรตุเกส เข้าร่วมทีม 30 มกราคม 2020
บรูโน่ แฟร์นันเดส มีเส้นทางที่ไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับนักเตะโปรตุเกสคนอื่นๆ ที่เคยรับใช้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ นานี่ สร้างชื่อในโปรตุเกส บรูโน่ใช้เวลาห้าปีแรกในอาชีพนักเตะของเขาในอิตาลี
บรูโน่เป็นผลิตผลของระบบเยาวชนที่โบวิสต้า กองกลางรายนี้เซ็นสัญญากับสโมสรโนวาราในเซเรีย บีเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 เมื่ออายุ 17 ปี ช่วงแรก ๆ นั้นเขาเกิดอาการคิดถึงบ้านเหมือนกัน แต่ในที่สุดเขาก็เติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ได้เป็นอย่างดี และเรียนรู้ภาษาอิตาลีด้วยตนเอง ก่อนจะช่วยให้โนวาราจบในอันดับที่ 5 และย้ายไปร่วมทีมอูดิเนเซ่ในลีกสูงสุดของอิตาลี
สามฤดูกาลในอูดิเน่นั้น เจ้าตัวทำได้ 11 ประตูจากการลงเล่น 95 นัด ทำให้ซามพ์โดเรียสนใจและเซ็นสัญญากับเจ้าตัวในช่วงฤดูร้อนปี 2016จากนั้นการลงสนามในนามทีมชาติในฐานะส่วนหนึ่งของทีมโอลิมปิกของโปรตุเกสก็ตามมา ก่อนที่บรูโน่จะเป็นกัปตันทีมยู-21 ในการแข่งขันยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพส์ในปี 2017
หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลเดียวกับซามพ์โดเรีย บรูโน่ก็ย้ายกลับประเทศโดยเซ็นสัญญากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และแม้ว่าเขาจะเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวลึกในอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เจ้าตัวรับบทบาทป็นเพลย์เมคเกอร์ที่เอสตาดิโอ โฆเซ่ อัลวาลาด โดยทำไป 16 ประตูและ 20 แอสซิสต์ในฤดูกาลแรกของเขาในพรีเมร่า ลีกา
สถิติดังกล่าว ประกอบกับการคว้าแชมป์ลีกคัพของโปรตุเกส ช่วยให้เขาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และต่อมาเขาได้รับเลือกให้ติดทีมชาติรัสเซียในฟุตบอลโลกปี 2018 ของ เฟอร์นันโด ซานโตส
บรูโน่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมร่า ลีกาในเดือนกรกฎาคม 2018 ก่อนที่เจ้าตัวจะต่อยอดผลงานที่ทำไว้ได้อย่างสุดยอดในฤดูกาลถัดไป โดยทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อกับการยิง 20 ประตูในลีกจากตำแหน่งมิดฟิลด์และแอสซิสต์อีก 13 ประตู ทีมราชสีห์แห่งลิสบอนคว้าดับเบิ้ลแชมป์โปรตุเกส คัพ และลีก คัพ และมิดฟิลด์รายนี้ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมหลังจากการจากไปของนานี่ ก็ได้รับรางวัลส่วนตัวระดับพรีเมียร์ของโปรตุเกสอีกครั้ง
เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติซึ่งเป็นแชมป์ในการแข่งขันยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2019 ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลระดับเมเจอร์อันดับสองของทีมชาติโปรตุเกส รองจากแชมป์ยูโร
หลังจากทำผลงานได้ดีในครึ่งแรกของปี 2019/20 ในระหว่างที่เขาช่วยสปอร์ติ้งไปถึง 32 ทีมสุดท้ายของยูฟ่า ยูโรปา ลีก บรูโน่ก็ได้ย้ายมาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในวันที่ 30 มกราคม 2020 เขาประเดิมสนามให้กับทีมในอีกสองวันต่อมา ในเกมที่เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตันไป 0-0
และเขาก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน สร้างผลกระทบให้กับทีม เขาสร้างแอสซิสต์ครั้งแรกในเกมที่สองของเขากับทีมในการเอาชนะเชลซีไป 2-0 จากนั้นทำประตูแรกของเขา (จากจุดโทษ) ในเกมที่สามของตนเอง และนั่นเป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของสิ่งที่เค้าทำเท่านั้น: บรูโน่ยิงได้ 12 ประตูและทำไปอีก 8 แอสซิสต์ก่อนสิ้นสุดฤดูกาลภายในเวลาเพียงครึ่งฤดูกาลที่ย้ายมาและเป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังผลงานที่น่าประทับใจของยูไนเต็ดในการจบอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้น
เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของเซอร์แมตต์ บัสบี้ในฤดูกาลดังกล่าว แม้จะลงเล่นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
บรูโน่เริ่มต้นปี 2020/21 อย่างมีสไตล์ด้วย โดยทำประตูชัยในนาทีที่ 100 จากจุดโทษที่ไบรท์ตัน เขาเป็นนักเตะของยูไนเต็ด และบางทีอาจจะเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพรีเมียร์ลีกในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนั้น โดยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรและลีกในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
ในการช่วยให้ยูไนเต็ดจบอันดับที่ 2 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลดังกล่าวนั้น บรูโน่ยิงได้ 28 ประตู แซงหน้าสถิติของ แฟรงค์ แลมพาร์ด สำหรับการทำประตูมิดฟิลด์ในฤดูกาลเดียวในยุคของพรีเมียร์ ลีก เขาคว้าถ้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเซอร์แมตต์ บัสบี้ เป็นครั้งที่สองต่อหน้าแฟนบอลที่กลับมาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และยังได้รับรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรจากความพยายามอันน่าทึ่งในการพบกับเอฟเวอร์ตัน
ในเดือนเมษายน 2022 บรูโน่เซ็นสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับสโมสร โดยสัญญามีระยะเวลา 4 ปี พร้อมทั้งออปชั่นการขยายสัญญาออกไปอีก 1 ปี ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนจากการทำงานอย่างหนักของเจ้าตัวเพื่อทีม
|