ตำแหน่ง กองกลาง วันเกิด 23 กุมภาพันธ์ 1992 (32 ปี)
สถานที่เกิด บราซิล ส่วนสูง 185 ทีมชาติ บราซิล เข้าร่วมทีม 19 สิงหาคม 2022
หนึ่งในกองกลางตัวรับชั้นนำของโลก ผู้คว้ามาแล้วเกือบทุกแชมป์กับ เรอัล มาดริดตั้งแต่ย้ายมาจากเซาเปาโลในปี 2013
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เจรจาค่าตัว 60 ล้านปอนด์สำหรับ คาเซมิโร่ กองกลางของเรอัล มาดริด และอีก 10 ล้านปอนด์สำหรับส่วนแอดออนที่จะตามมาจากผลงานของเจ้าตัว
คาเซมิโร่ลงสนามไปแล้วมากกว่า 500 ครั้งในเกมระดับอาชีพ (และทำไป 47 ประตู) นักเตะทีมชาติบราซิลรายนี้คว้าแชมป์โกปา ซูดาเมริกานา (2012) กับเซาเปาโล และถ้วยรางวัลมากมายกับเรอัล มาดริด รวมถึงแชมป์ลาลีกา 3 สมัย (2017, 2020, 2022), โคปา เดล เรย์ (2014), สแปนิช ซูเปอร์ คัพ สามครั้ง (2017, 2020, 2022), ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ห้าครั้ง (2014, 2016, 2017, 2018, 2022), ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สามครั้ง (2016, 2017, 2022) และแชมป์สโมสรโลกสามครั้ง (2016, 2017, 2018) เขาลงเล่นให้ทีมชาติบราซิล 63 นัด และคว้าแชมป์โคปา อเมริกา (2019) รวมถึงแชมป์อเมริกาใต้รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี (2009), แชมป์รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีในอเมริกาใต้ (2011) และฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี (2011) เรียกได้ว่า ขาดเพียงแค่แชมป์โลกกับบราซิลเท่านั้น ก็จะทำให้เจ้าตัวมีทุกแชมป์เท่าที่นักเตะคนหนึ่งจะทำได้แล้ว
ในแผนการยืนแบบ 4-3-3 นั้น โดยปกติคาเซมิโร่จะถอยลึกมาเป็นผู้เล่นที่อยู่ด้านหน้าของกองหลัง แต่เขาก็สามารถขยับไปข้างหน้าเพื่อช่วยเกมรุกในการเล่นแบบ บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ แต่จุดแข็งของเขาอยู่ในการป้องกันมากกว่าการโจมตี เมื่อเพื่อนร่วมทีมหลุดจากตำแหน่ง เขาคือหนึ่งในผู้เล่นกองกลางที่ดีที่สุดในการช่วยปิดพื้นที่ยามที่ทีมถูกสวนกลับ โดยการถอยลงไปอยู่ในตำแหน่งฟูลแบ็คเพื่อหยุดการโจมตี แนวทางของคาเซมิโร่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ โคล้ด มาเกเลเล่ อดีตมิดฟิลด์ตัวรับของเรอัล มาดริดและเชลซี แต่ความเข้าใจเรื่องการยืนตำแหน่งและการไดรฟ์เกมไปข้างหน้าของเขาทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งนี้สำหรับโลกฟุตบอล
นับเป็นการสูญเสียที่สำคัญของเรอัล มาดริด เมื่อพวกเขาต้องเสียตัวหนึ่งในสามของกองกลางยุคทองของทีมอย่าง คาเซมิโร่-โทนี่ โครส-ลูก้า โมดริช อันเป็นนักเตะสามคนที่เล่นสอดประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยมและมีความสำคัญต่อการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกและทุกแชมป์ที่ผ่านมาของสโมสรในช่วง 6-7 ปีมานี้ การเล่นของเขาในระบบสามประสานแดนกลางนั้นถูกกำหนดไว้อย่างดีว่าเจ้าตัวจะทำหน้าที่เป็นผู้ที่เล่นเกมรับมากที่สุดในสามคน เขาทำหน้าที่ป้องกันแนวรับของมาดริด แย่งบอลคืน และเป็นฐานที่แน่นหนาให้กับเพื่อนร่วมทีมที่เน้นแนวรุกให้ทำเกมได้อย่างใจ แต่เขาก็ได้แสดงออกถึงบทบาทในการช่วยเกมรุกของทีมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลังของการเล่นที่เบอร์นาเบว
มีผู้เล่นเพียง 5 คนเท่านั้นในลาลีกาเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่มีสถิติการแย่งบอลคืนที่มากกว่าคาเซมิโร่ (230) รวมถึง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ของบาร์เซโลน่า และนั่นเป็นสถิติที่เค้าทำได้กับทีมแบบมาดริดที่เน้นการครองครองบอลด้วย การรับรู้ของเขานั้นยอดเยี่ยม และเรามักจะเห็นเขาถอยลงไปที่แนวรับเพื่ออุดช่องว่างหรือช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมที่ไม่อยู่ในตำแหน่ง นอกจากนี้อัตราการจ่ายบอลสำเร็จของเขานั้นก็ยังยอดเยี่ยม (คือ 86% ในลาลีกาในปีที่แล้ว) แต่ก็น้อยกว่าโครสซึ่งเป็นผู้นำสถิติในสเปนด้วยอัตรา 94.9% คาเซมิโร่อาจจะมีสถิติการทำประตูที่ไม่โดดเด่นมากนัก และส่วนมากเป็นการทำประตูจากระยะไกล ซึ่งสถิติการประตูในลาลีกาที่ดีที่สุดของเขาคือ การทำ 6 ประตูในปี 2020-21 และคุณอาจจำการบุกที่น่าตื่นเต้นของเขากับยูเวนตุสในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2017
เขาเป็นนักฟุตบอลสไตล์ที่ตรงไปตรงมา แนวทางของเขาคือการแย่งบอลกลับมาและส่งให้คนที่มีความสามารถด้านเทคนิคมากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงมีประสิทธิภาพในตำแหน่งกองกลางสามคนกับโมดริชและโครส สองตัวทำเกมที่ดีที่สุดของโลกฟุตบอลที่เรอัล มาดริด เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้เห็นสไตล์การเล่นที่เด็ดขาดจริงจังของเขามาอยู่ในลีกที่มีการท้าทายด้านกายภาพมากที่สุดอย่างพรีเมียร์ ลีก นอกจากนี้ คาเซมิโร่ถูกค่อนขอดจากแฟนบอลทีมคู่แข่งว่ามีความสามารถในการหลีกเลี่ยงใบเหลืองใบแดงที่สมควรได้รับ โดยเขาได้รับใบเหลือง 11 ใบในลาลีกาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่โดนไล่ออกเพียง 2 ครั้งในรอบเกือบทศวรรษกับราชันย์ ชุดขาว
แม้ว่าคาเซมิโร่จะไม่ใช่พวกพาบอลขึ้นหน้า หรือสร้างจังหวะเกมรุกด้วยการส่งบอล แต่เขาจะช่วยยูไนเต็ดได้แน่นอนในแนวรับ เขาวิเคราะห์เกมอย่างมีประสิทธิภาพ และยืนปักหลักอย่างมั่นใจหน้าแผงหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ยูไนเต็ดยังขาดไป เมื่อฤดูกาลที่แล้วยูไนเต็ดเสียประตูมากเกินไป รวมถึงการเสีย 6 ประตูในสองเกมกับไบรท์ตันและเบรนท์ฟอร์ด และการมาถึงของคาเซมิโร่ก็ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนั้นได้
|