
ผู้จัดการทีมที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่สักคนหนึ่ง คุมทีมฟุตบอลในทีมหนึ่งๆ นั้น ผลงานชนะหนึ่ง แพ้หนึ่ง ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นผลงานที่น่าผิดหวัง ยิ่งเป็นช่วงทดลองทีมด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอะไรนัก
แต่นั่นไม่ใช่มาตรฐานของทีมชาติอังกฤษ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ มาตรฐานของสื่อ และปวงชนชาวอิงลิชครับ และนับว่า เป็นสิ่งที่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ เผชิญอยู่ ณ เวลานี้
ทุกคนรู้ดีว่า ฟาบิโอ คาเปลโล่ เป็นโค้ชจอมเข้มงวด ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว หรือในเรื่องการทำทีม นักเตะก็คือนักเตะ ผู้จัดการทีมก็คือผู้จัดการทีม ห้ามล้ำเส้น มีเส้นหนาๆ กั้นอยู่ระหว่างนักเตะกับเขาอย่างแน่นหนา
กระทั่ง เอเมอร์สัน นักเตะคู่บุญของเขา ก็ยอมรับว่า แม้จะร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาหลายสโมสร แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับคาเปลโล่ แต่อย่างใด
ผลงานชนะสวิสเซอร์แลนด์ ในเวมบลีย์ 2-1 และ บุกไปแพ้ให้กับฝรั่งเศส 1-0 ที่ปารีส นั้น ถ้ามองในแง่มุมไหน ก็ไม่แย่ ในความคิดเห็นของผู้เขียน
ซ้ำยังเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน พูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า นัดที่แพ้ให้กับฝรั่งเศสนั้น อังกฤษเล่นได้ดี และดูเป็นรูปแบบกว่านัดแรกที่ชนะทีมจากเมืองนาฬิกาเสียอีก
แต่กระนั้นก็ตาม ดูเหมือนที่ผ่านมา สื่อ และมุมมองของอิงลิชชน ดูจะไม่พอใจมากนัก อีกทั้งข่าวลือหนาหูในแคมป์ทีมชาติ ยังมีให้เห็นกันเป็นระยะๆ
และล่าสุด คาเปลโล่ ให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่า ใครไม่พอใจก็เดินมาบอกเขาได้เลย และคนนั้นจะต้องถูกตัดออกจากทีม
ถ้าคาเปลโล่ ออกมาพูดแบบนี้ สถานการณ์มันไม่ธรรมดาแล้วนะครับ เพราะก่อนนั้นก็มีข่าวลือจากนักเตะหลายๆ คนเกี่ยวกับวิธีการคุมนักเตะของ คาเปลโล่ อยู่หนาหูเหมือนกัน
ผู้เขียนชื่นชอบการทำทีมของคาเปลโล่อยู่เหมือนกัน เพราะเขาทำในรูปแบบของมืออาชีพอย่างแท้จริง แต่กับนักเตะอังกฤษ ดูเหมือนจะมีปัญหา
ถ้ามองในเวลานี้ เพราะนักเตะอังกฤษ ถูกสื่อยกย่องว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์มากเกินไป อีโก้ หรือความมั่นใจ จะมีมาก เมื่อมาปะทะกับวิธีการของคาเปลโล่ เห็นได้ชัดเลยว่า มีปัญหา นั่นเป็นโจทย์ที่คาเปลโล่ ต้องจัดการสะสางให้เสร็จโดยเร็ว
แต่ปัญหามันไม่ใช่การรับมือกับสื่อ ปฏิกิริยา หรือการควบคุมนักเตะเพียงอย่างเดียว มันเป็นเรื่องแทคติกที่สัมพันธ์กับนักเตะครับ
เปล่าเลย แทคติกของคาเปลโล่ ไม่ได้มีจุดบกพร่องแต่อย่างใด เขาใช้แผนการเล่น 4-5-1 กวาดแชมป์มามากมายกับหลายๆ สโมสรยักษ์ใหญ่มาหมดแล้ว
แต่แทคติกนี้จะดีที่สุด เมื่อมีกองหน้าประเภท Target Man หรือกองหน้าตัวเป้า ที่คม ถล่มประตูถล่มทลาย ใช้โอกาสน้อยครั้ง แบบที่เขาเคยมี
ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ที่ตูริน หรือ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เบอร์นาบิว ซึ่งต้องยอมรับว่า เวย์น รูนีย์ ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด
เวย์น รูนี่ย์ มีปัญหากับการยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเดียวทุกครั้ง ไม่ว่าจะเล่นในทีมชาติหรือแมนฯ ยูไนเต็ด เวย์น ที่เรารู้จักกันในฟอร์มการเล่นที่น่ากลัว คือคนที่วิ่งพล่านทำเกมไปทั่วสนาม มีส่วนร่วมกับเกม ล้วงมารับบอลเอง และทำชิ่งให้เพื่อน
แต่กับอังกฤษ มันไม่ใช่เลยเขาต้องยืนโดดเดี่ยวในแดนหน้า ทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาดูดร๊อปลงไป ถ้าเทียบกับตอนที่อยู่ในสีเสื้อยูไนเต็ด
ประเด็นปัญหานี้ก็คือ คาเปลโล่ ต้องหากองหน้าประเภทปิดบัญชี โป้งเดียวจอด มาแทนตำแหน่งเวย์น รูนีย์ ซึ่งนับว่ามีตัวเลือกน้อยเหลือเกิน แคนดิเอต
ที่พอไหวก็คือ ดีน แอชตัน ซึ่งบางคนก็มองว่าชั้นยังไม่ถึง และที่สำคัญแม้จะเป็นคาเปลโล่ก็ตาม แต่การดร๊อป เวย์น รูนีย์ ออกจากทีมชาติ
ไม่ต่างอะไรกับทำเรื่องที่น่าขัดใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของคนอังกฤษ เหมือนกรณีของเบ๊คแฮม ในยุคของ แมคคลาเรน
เป็นคาเปลโล่นี่ น่าเหนื่อยใจแทนเลยนะครับ รับมือกับสื่ออังกฤษก็หนักพออยู่แล้ว ไหนจะต้องควบคุมนักเตะซุปเปอร์สตาร์ของทีม และที่สำคัญที่สุดก็คือ การรับมือกับความกดดันที่มีมากกว่าที่ไหนในโลก และการเอาชนะใจสื่อ และคนอังกฤษนี่แหละครับ
เป็นบททดสอบสำคัญที่ยากมากจริงๆ