พอสิ้นเสียงนกหวีดจบการแข่งขันที่ รีบอค สเตเดี้ยม เสียงเพลง wind of change ของ Scorpions วงร็อคแมงป่องอมตะก็แทรกขึ้นมาในหัวผมอย่างไม่ตั้งใจ มันช่างเหมาะเหม็งกับความรู้สึกในจังหวะนี้เหลือเกิน
.... take me to the magic of the moment
on the glory night
where the children of tomorrow dream away
in the wind of change ....
ใช่ครับ มันต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างโดยด่วน และสิ่งที่ผมและใครอีกหลายคนเห็นจะจะจากเกมนี้ก็คือแผงมิดฟิลด์ครับ สำหรับคนที่ติดตามการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาหลายปีคงจะเห็นแล้วว่าเกมรุกของทีมชุดนี้ค่อนข้างจะฝืดเคืองไอเดียมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา - - จ่ายออกข้าง - - เคาะกลับมาตรงกลาง - - หาทางไปไม่ได้เลยส่งคืนหลัง - - จู่ๆ ก็ถูก pressing เลยต้องสาดยาวไปข้างหน้าและก็เสียบอลในที่สุด - - พระเจ้า !! นี่มันฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูล ในยุคการบัญชาการของเฮียโปนนี่นา ..... นรกชัดๆ !!!
ใครหลายคนแถวนี้รู้กันดีอยู่ว่าแผงกลางของเราที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในเกาะอังกฤษ ทีมไหนจะต้องแข่งกับปีศาจแดง พากันหวาดระแวงว่าจะถูกบดขยี้แบบไม่ไว้หน้า แต่ขอโทษ .... สี่จตุรเทพที่ร้อนแรงยิ่งกว่า F4 ในตอนนั้นถึงตอนนี้ต่างร่วงโรยไปตามสังขาร แม้แต่สรรพนามที่เคยนำหน้าชื่อว่า พี่ ก็เปลี่ยนเป็น น้า อันนี้เราจะไปโทษนักเตะก็ไม่ได้ ทางที่ดีควรจะยิงคำถามใส่ป๋าเฟอร์กี้ว่า ถึงเวลาเปลี่ยนเลือดแบบจริงจังได้แล้ว ป๋ายังเสียดายอะไรอยู่?
ผมตอบแทนป๋าก็ได้ว่า ก็เสียดายลูกรักที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขประสบความสำเร็จมาด้วยกันน่ะสิ รู้กันอยู่ว่าป๋าเฟอร์กี้ของเรารักนักเตะในสังกัดยิ่งกว่าเฮียเหลิมรักลูก เพราะงั้นคงจะไม่แปลกถ้าจะถูก อะไรบางอย่าง มา บังตา เหมือนกัน ดูตัวอย่างได้จากน้าแมคแคลร์ น้าเออร์วิน น้าบรู๊ซ น้าชไมเคิลสิครับ เรียกว่าใช้งานกันจนแก่ตายเลิกเล่นกันไปข้างนึง แต่ขอร้องนะป๋ายุคนั้นน่ะ ทีมอื่นในพรีเมียร์เขายังไม่ได้พัฒนาเหมือนตอนนี้ ถ้าป๋าจะอนุรักษ์นิยมอยู่ล่ะก็แฟนบอลเฉาตายกันพอดี
จริงอยู่ว่าทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ดูอย่างทีมปืนโตทะลักเดือดที่สร้างสถิติใหม่ในทุกนัดที่เขาไม่แพ้สิ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องเป็นลูกไล่ให้ขุนพลปีศาจแดงของเราอยู่กี่ปี แล้วยังทีมนกกระเด้าลมคู่แค้นที่แสนรักของเราอีกล่ะสิบกว่าปีแล้วยังไม่ฟื้นเลย ดังนั้นคงจะไม่แปลกถ้าผมจะบอกว่าเราอาจต้องใช้เวลาบ้างเพื่อจะกลับมาผงาดในยุทธจักรอีกครั้ง ยกเว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เท่านั้นที่เราจะกระชากโทรฟี่กลับมาที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้
แต่ผมหวังไว้ลึกๆ นะครับว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นครับ ตอนนี้ก็เริ่มได้กลิ่นโชยมาหน่อยๆ แล้วสัญญาณแรกของการคืนชีพ คือ ความเป็นทีมที่ตายยากสามารถยิงประตูช่วงท้ายเกมอย่างที่เราเห็นได้บ่อยๆ ในช่วงนี้ (ถึงแม้จะอยากได้ 3 แต้มมากกว่าก็เถอะ) สัญญาณที่สองคือการผุดขึ้นมาของดาวเตะหน้าเปื้อนสิวทั้งที่มาจากทีมเยาวชนและก็ใช้เม็ดเงินซื้อเข้ามา .... มันช่างละม้ายคล้ายกับตอนที่เด็กนรกชุด class of 92 เข้าประจำการในทีมชุดใหญ่อะไรขนาด แค่สองข้อก็พอแล้วที่จะทำให้ผมได้ลุ้น

มาถึงจังหวะนี้ผมเข้าใจเลยครับว่าทำไมเอริก เดอะ คิง คันโตน่าถึงได้แขวนสตั๊ดเร็วนัก ลองคิดดูละกันว่าถ้าก็องโต้ทำตัวเป็นดาวเตะไม่ยอมแก่ตายอะไรจะเกิดขึ้น พวกเด็กๆ ในยุคนั้นทั้งกิ๊กส์ เบ็คส์ บัตต์ สโคลส์ จะได้มีโอกาสก้าวมาเป็นสุดยอดซุปเปอร์ สตาร์ อย่างตอนนี้หรือเปล่า ลองคิดถึงวลีลาจากของก็องโต้ นะครับ ถ้าป๋าเฟอร์กี้และทีมแมนยูเป็นนกนางนวล แล้วเฮียก็องโต้ เป็นชาวประมงที่มีปลาซาร์ดีน มันเป็นสัจธรรมครับว่าวันๆ นกนางนวลทั้งหลายคงไม่ทำอะไรนอกจากตามเรือประมงไปวันๆ >> จังหวะนี้คงจะเข้าใจแล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นคงจะไม่ผิดถ้าผมจะบอกป๋าเฟอร์กี้ว่า บินตามเรือประมงลำใหม่ได้แล้วป๋า!!