ผมก็จ้ำไปที่บู๊ทของ "สปอร์ต เรดิโอ FM 94 Mhz และ FM 106.75 Mhz" ซึ่งผมเผอิญโชคดี "มือไว" กดโทรศัพท์ไปชิงบัตรมาได้ พอไปรับบัตรเรียบร้อยก็ยืนอยู่แถวนั้น จน "พี่โอ๊ต" หรือ "ดีเจโอ๊ต" แห่งสปอร์ต เรดิโอ แกเกิดให้ตอบคำถามขึ้นมา โดยคนตอบก็คนแถวนั้นนั่นแหละ ผมก็รออยู่นานจะตอบคำถามอะไรดี คำถามก็ถามแค่ว่าใครค่าตัวแพงสุด ถูกสุดอะไรเทือกนั้น และก็มายากๆ ซึ่งก็ไม่ยาก เขาถามว่า ให้บอกชื่อนักเตะต่างชาติของ 3 ทีมที่มาทัวร์เมืองไทย 12 คน ก็ตอบกันตั้งหลายรอบกว่าจะถูก ซึ่งผมไม่ได้ตอบด้วยเพราะได้รางวัลไปก่อนหน้านี้แล้ว
คำถามที่ผมตอบน่ะเหรอ "ใครคือนักเตะที่ถูกขายออกไปแล้วค่าตัวแพงที่สุดของ เอฟเวอร์ตัน ?" ซึ่งถ้าคำถามนี้ผมตอบไม่ได้ ผมคงไม่ต้องมาเขียนคอลัมน์ที่เว็ปนี้แล้วล่ะครับ คำตอบก็นู๋รูน เวย์น รูนี่ย์ นั่นยังไง ซึ่งรางวัลทื่ได้ก็เป็นเสื้อยืดสวยๆ ของ สปอร์ต เรดิโอ
เมื่อได้รางวัลติดไม้ติดมือแล้วผมก็เดินเข้าไปในสนามซึ่งบัตร 800 ที่นั่งก็อยู่ที่อัฒจันทร์ชั้น 2 ซึ่งดูแล้วก็เห็นชัดดี แต่นึกในใจถ้ามัวแต่นั่งตรงนี้ ไม่ได้อะไรติดไม่ติดมือกลับบ้านเป็นแน่แท้ ว่าแล้วก็เดินเต๋ไต๋ออกมาแถวหน้าสนามหาอะไรโยนใส่ท้อง ผมจึงเดินเข้าไปในสนามใหม่ ซึ่งทางเข้าเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะเข้มงวดมาก "ขวดน้ำเปิดขวดแล้วทิ้งฝาเอาไว้นะครับ กระป๋องต่างๆ กินให้หมดตรงนี้" เสียงของชายชุดดำยืนสั่งการ ซึ่งคาดว่าเขาคงต้องทำตามหน้าที่ เพราะด้านหลังของเขานั้น มีซุ้มขายน้ำ ขายกันโจ๋งครึ่ม แต่คาดว่าเขาก็คงไม่กล้าไปทำอะไร เพราะที่ขายเป็นน้ำของสปอนเซอร์ใหญ่ของรายการนี้ แต่ข้างนอกมันก็เจ้าเดียวกันนี่หว่า แล้วทำไมเอาเข้าไปไม่ได้วะ ผมจึงเกิดอาการปลงตก
ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในสนามเมื่อถึงอัฒจันทร์ชั้นหนึ่ง ผมเหลือบไปเห็น แม่เจ้า ! ไอ้คนตรวจบัตรมันหายไปแล้วนี่หว่า พลัน ! ผมจึงบึ่งลงไปนั่งในอัฒจันทร์สำหรับคนที่ซื้อบัตร 1500 บาท ผมลงไปนั่งหน้าสุดซึ่งมองในสนามไม่ชัดหรอก แต่ตรงนั้นมันได้บรรยากาศดี กองเชียร์เอฟเวอร์ตัน กลุ่มใหญ่ที่มาจากอังกฤษมารวมกลุ่มกันด้านขวามือของผม และเมื่อนักเตะลงสนามพวกเขาส่งเสียงเชียร์กันลั่น ซึ่งผมอยู่แถวนั้นแล้ว มันได้อารมณ์ชะมัด

เมื่อเกมผ่านไปซักพักกองเชียร์ เอฟเวอร์โตเนี่ยนของไทยก็เดินถือกลองมา ซึ่งพวกเขาเอามาให้ เอฟเวอร์โตเนี่ยน สายพันธุ์อังกฤษยืมไปตี โอ้โห ! พอได้กลองมา ทีนี้พวกพี่เขาตีกันซะมันส์หยด แถมตอนหมดครึ่งแรก แฟนคลับเอฟเวอร์ตันของไทย ก็เอาทอฟฟี่สีน้ำเงินมาแจก แหม !! น่าอร่อย แต่ตัวผมไม่ได้ไปกินกับเขาด้วยหรอกนะ เกมดำเนินไปอย่างสนุกทีเดียว ท่ามกลางแฟนบอลตาน้ำข้าวที่แจกฟักข้ามหัวผมกันเกลื่อนกลาด แต่นี่แหละครับสีสันที่บ้านเราไม่ค่อยได้เห็นกัน พอจบเกมแฟนบอลมากมายวิ่งไปขอลายเซ็นต์และของที่ระลึกกัน หลายคนก็ได้ลูกบอลของ แมนฯ ซิตี้ พร้อมลายเซ็นต์ของ จ๊วด เพี๊ยด โค้ชใหญ่ของซิตี้ ขณะที่มีอีกคน ตะโกนเรียก แอนดี้ โคล พร้อมกับเรียกขอบอล ที่ใช้เตะในสนามซึ่งโคลถืออยู่ และ คิงโคล ก็ใจดีโยนมาให้ "แหม ! น่าอิจฉาวุ้ย" ผมนึกในใจ
ว่าแล้ว ซิลแวง ดิสแตง ก็เดินมา เขาโยนเสื้อให้แควนๆ และไอ้คนข้างผมมันก็เรียก ซิลแวงๆ พร้อมชี้ไปที่ข้อมือ ว่าแล้ว ดิสแตง ก็โยนสายรัดข้อมือ ที่สำหรับเช็ดเหงื่อมาให้ ผมเกือบจะฉวยโอกาสคว้าได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทันพี่ข้างๆ ผม พอแกรับได้ แกทำท่าสะใจ หยั่งก๊ะยิงประตูได้
ผมเห็นว่าไม่ได้การล่ะ ถ้ามัวแต่อยู่อย่างนี้มีหวังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่ ว่าแล้วผมจึงตัดสินใจเดินออกนอกสนามข้ามฝั่งถนนไปที่ร้าน 7-11 ไปคว้าปากกามาร์กเกอร์มา 1 ด้าม
ผมเดินกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ทีมชาติไทยลงสนามกับโบลตัน ซึ่งพอจบครึ่งแรก นักเตะที่ติดทีมมาด้วยแต่ไม่ได้ลงเล่นก็เดินกลับเข้าห้องพัก ระหว่างทางเดินผมพอจำหน้าได้ว่าเขาคือ เอียน วอล์กเกอร์ นายทวารหัวเยิ้ม ซึ่งผมก็เรียกเขา และยื่นเข็มกลัดของโบลตัน ที่ไปซื้อมาจากหน้าสนามอันละ 20 บาทพร้อมปากกายื่นให้กับนายทวารสุดหล่อ เขายิ้ม และเซ็นต์ก่อนจะยื่นมันกลับคืนมาแล้วก็ไปเซ็นต์ให้คนอื่นต่อ ซึ่งพอเจ้าหน้าที่เดินมา เขาก็มาบอกแฟนๆ ว่าพอก่อนเหอะ ว่าแล้วผมก็ทักทายนักเตะที่เดินกลับเข้ามา
เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้น และก็จบลงผมตัดสินใจรอและ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ ก็เดินมา ผมยื่นเสื้อยืดของสปอร์ต เรดิโอ ที่เล่นเกมมาได้พร้อมปากกาไปให้ดาวเตะจอมถุยส์ ซึ่งเขาก็เซ็นต์ให้ด้วยความยินดี ก่อนผมจะคว้ามันกลับมา ผมตัดสินใจไม่รอนักเตะคนอื่นก่อนที่จะกลับบ้านมา
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้แน่ เพราะนี่แค่ ตอน 1 ครับ ตอน 2 นั้นสถานที่ก็ที่เดิม บัตรก็บัตรฟรีเหมืนเดิมครับ เพียงแต่มันจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ ซึ่งรีล มาดริด จะมาเยือน คอยติดตามแล้วกันว่าผมจะไปทำวีรกรรมอะไรที่สนาม ราชมังคลาฯ
สาบาน .. มันต้องเป็นอะไรที่จะทำให้ หลุยส์ "จูดาส" ฟิโก้ ระทมใจเป็นแน่แท้