
ได้ยินชื่อและรู้จักหมอนี่ครั้งแรกก็ตอนรายการชุดต่ำกว่า 15 ปีออกไปแข่งขันนอกประเทศในซีซั่น 2002/2003 ตอนนั้นก็แค่รับข้อมูลมาเมมโมรี่ใส่ก้อนสมองว่าเป็นดาวรุ่งของทีมอีกคนเท่านั้น มาเห็นอีกทีก็ราวๆ ซีซั่น 2004/2005 หลังจาก UBC ใจดีรับช่อง MUTV มาให้แฟนบอลชาวไทยได้ชมกัน ก็มีโอกาสได้เห็นหน้าตาตัวเป็นๆ และฟอร์มสดๆ ของหมอนี่ในชุดต่ำกว่า 18 ปี หรือ ยู18 นั่นเอง
นับเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งลูกหม้อของสโมสรอีกคนหนึ่ง โดยทางสต๊าฟโค้ชไปฉกตัวมาตั้งแต่ยังอายุ 14 จาก school of excellence ใน Belfast ฟอร์มการเล่นที่ได้ผ่านสายตา แต่แรกไม่ได้มีอะไรโดดเด่นถึงขนาดเตะตาต้องใจอะไร ทว่าหน่วยก้านท่าทางที่ดูแข็งแกร่งและรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าเพื่อนวัยเดียวกันทำให้เริ่มสะกิดใจติดตามดูดาวรุ่งคนนี้ขึ้นมานิดๆ ในวัย 16 ปีกับการลงเล่นให้ทีมยู18 ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง สไตล์การเล่นชวนให้นึกถึงนักเตะคนหนึ่งในทีมคู่ปรับที่ซิวแชมป์ลีกปีนี้ไปครอง ใช่แล้วคนนั้นคือแฟรงค์ แลมพาร์ด จะด้วยเพราะจุดเด่นคือลูกยิงไกลที่หนักหน่วงและเฉียบขาดก็ด้วยส่วนหนึ่ง การอ่านเกมและบัญชาเกมในแดนกลางก็ด้วย เกมรับก็เล่นได้ดี เรียกว่าเด่นทั้งรับทั้งรุก แต่สิ่งที่กิ๊บสัน มีมากกว่าคือสามารถเล่นตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ด้วย
เกมน่าประทับใจของกิ๊บสัน ในทีมยู 18 ซีซั่นนั้นคงจะเป็นเกมที่พบกับคู่ปรับร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีนายทวารเป็นทายาทยักษ์เดนส์ เขาคือแคสเปอร์ ชไมเคิล ในเกมวันนั้นดาร์รอน กิ๊บสัน โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น เหมาเล่นทั้งฟรีคิก รวมทั้งลูกเตะมุม และจากจังหวะเตะมุมนี่เองที่นำมาซึ่งประตูอันสุดสวย ฝีมือบวกสภาพอากาศวันนั้นที่ลมแรงมาก บอลที่ถูกเปิดมาจากมุมด้านซ้ายโค้งเข้าเสียบสามเหลี่ยมประตูไปอย่างสวยงาม ช็อตนี้ใครได้เห็นก็คงต้องทึ่ง
ตอนแรกยังไม่รู้ข้อมูลนึกว่าเป็นเด็กอังกฤษ ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมไม่ติดทีมชาติ เพราะด้วยฝีเท้าระดับนี้ตัวจริงทีมเยาวชนแน่นอน เมื่อได้หาข้อมูลของเขามากขึ้นจึงพบว่าเป็นกำลังหลักในทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ชุดต่ำกว่า 19 ปี นี่เอง เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮีโร่และต้นแบบในการเล่นฟุตบอลของกิ๊บสัน คืออดีตยอดกัปตันของเรา รอย คีน
ซีซั่นนี้นักเตะในทีมสำรองหลายคนถูกส่งตัวออกไปหาประสบการณ์ด้วยการยืมตัว อีกทั้งผู้เล่นรุ่นพี่ที่เล่นตำแหน่งเดียวกันอย่าง เอ็นกาลูล่าได้รับบาดเจ็บต้องพักยาวทั้งซีซั่น โอกาสในการแข่งขันในทีมที่ระดับสูงกว่าของกิ๊บสันก็มาถึง และยังมีข่าวดีสำหรับตัวเขาอีกอย่างนึงคือการได้รับหมายเลขเสื้อในทีมชุดใหญ่ ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับนักเตะวัยแค่ 17 ปี การได้ลงสม่ำเสมอในทีมสำรองมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาฟอร์มการเล่นของเขาแบบก้าวกระโดด และในซีซั่นนี้เองที่เขาได้รับโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว ในรายการคาร์ลิ่ง คัพ รอบ3 พบกับบาร์เน็ต โดยลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมแทนลี มาร์ติน ที่ประสบปัญหาบาดเจ็บ สำหรับรางวัลที่เขาได้รับในซีซั่นนี้ Jimmy Murphy Young Player of the Year รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร คือคำตอบที่ชัดเจนสำหรับมิดฟิลด์ดาวรุ่งคนนี้
ถึงซีซั่นนี้จะเป็นปีที่ไร้แชมป์ลีกอย่างน้อยก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ให้น่าจดจำและสนุกจริงๆ กับการติดตามพัฒนาการของดาวรุ่งในทีม โดยเฉพาะการได้ติดตามฟอร์มของกิ๊บสัน ปีที่แล้วกับปีนี้เทียบกันแล้วพัฒนาฟอร์มได้ดีขึ้นอย่างมากจริงๆ เป็นศูนย์กลางของเกม รวมทั้งจังหวะการยิงไกลที่ทรงพลัง ซีซั่นหน้าคงได้เห็นคำตอบที่ชัดเจนขึ้นสำหรับดาวรุ่งรายนี้ ว่าจะได้รับโอกาสแบบไหน ยืมตัวไปทีมอื่น ตัวหลักทีมสำรอง หรือการได้สอดแทรกในทีมชุดใหญ่
งานนี้บรมกุญซืออย่างป๋ากี้คงรู้ดีว่าจะปั้นเพชรเม็ดนี้ยังไง ให้ก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะในอนาคต ในยุคที่แผงมิดฟิลด์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีศักยภาพอ่อนที่สุดในรอบ 10 ปี บางทีคำตอบอาจมีอยู่ที่เด็กปั้นของเราเองก็ได้