ความสำเร็จของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่น และการทำงานหนักเสมอมาของทั้งสโมสร และผู้สนับสนุนทุกคนมาโดยตลอดนับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมทอผ้า ที่อยู่คู่เมืองแมนเชสเตอร์มาอย่างยาวนาน และผ้าลายตาราง "กิงแฮม" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของเมือง จึงถูกหยิบมาใช้เพื่อการออกแบบเป็นเสื้อแข่งทีมเหย้าของทีมปีศาจแดงในปีนี้
การออกแบบเป็นการผสมผสานระหว่างลวดลายผ้ากิงแฮมในโทนสีแดงเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้การออกแบบเสื้อชุดเหย้าให้มีแถบคอวีสีดำนั้นดูร่วมสมัย ลวดลายกราฟิกด้านในคอเสื้อพิมพ์คำว่า "Forged in Industry, Striving for Glory" (ความอุตสาหะในอุตสาหกรรม มุ่งมั่นเพื่อความรุ่งโรจน์) เพื่อเชิดชูอุตสาหกรรมที่เติบโตคู่เมืองแมนเชสเตอร์มาตลอด รวมทั้งความมานะอุตสาหะของสโมสร ส่วนคอเสื้อด้านนอก มีสัญลักษณ์ปีศาจของทีมติดอยู่แสดงถึงความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหมือนกันทั่วโลก
ถุงเท้าสำหรับชุดทีมเหย้านี้เป็นสีดำ มีเส้นสีแดงประดับส่วนบน และมีรูปปีศาจสีขาวติดอยู่ โดยการออกแบบชุดแข่ง เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตให้นักกีฬารู้สึกสบายมากขึ้น และถุงเท้าก็เช่นกัน ได้มีการออกแบบเพื่อรองรับเท้า และทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายมากขึ้น
ชุดเหย้าลายตารางนี้ เป็นวิวัฒนาการใหม่ของไนกี้ที่ทำการผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ถือเป็นสินค้าชิ้นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่ไนกี้เคยผลิตมา ชุดแข่งหนึ่งชุดจะผลิตมาจากขวดน้ำพลาสติกใช้แล้วประมาณ 13 ขวด และกระบวนการผลิตก็ลดการใช้พลังงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับการผลิตจากโพลีเอสเตอร์แบบทั่วไป และนับตั้งแต่ปี 2010 ไนกี้ ได้นำขวดพลาสติกใช้แล้วราว 1,115 ล้านขวดมาผลิตเป็นชุดแข่งที่มีประสิทธิภาพสูง
ชุดแข่งนี้มีเนื้อผ้าที่เบากว่าเดิม 23% แต่มีโครงสร้างการถักทอที่แข็งแรงกว่าเดิม 20% และมีกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี "Nike Dri-FIT" ที่ช่วยดูดซับเหงื่อ ทำให้นักกีฬารู้สึกเย็น และแห้งสบายเมื่ออยู่ในสนามแข่ง การเย็บใช้วิธีแบบทีบาร์ ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และเก็บซ่อนตะเข็บได้เป็นอย่างดี และยังมีพื้นที่ระบายอากาศเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกาย โดยเป็นการเจาะรูเล็กๆ ด้วยเลเซอร์ตั้งแต่ใต้แขนจนถึงขอบเอว ให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ช่วยให้นักเตะสบายตัว