ตำแหน่ง ศูนย์หน้า วันเกิด 28 ตุลาคม 1980 (44 ปี)
สถานที่เกิด ลีดส์, อังกฤษ ส่วนสูง 178 ทีมชาติ อังกฤษ
อลัน สมิธ เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลด้วยการเข้าฝึกซ้อมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ และเขาก็ได้เล่นฟุตบอลมาเรื่อยๆ จนกระทั่งติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 16 ปี และด้วยการพัฒนาในทักษะและความสามารถของเขา ทำให้ลีดส์ ยูไนเต็ด จับเซ็นสัญญานักเตะอาชีพในเดือนมีนาคม ปี 1998
สมิธสามารถทำประตูได้ในนัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับทีมในนัดที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายนปี 1998 และทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งศูนย์หน้าคู่กับ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลแบงค์ ช่วยกันถล่มประตูด้วยความกระหาย และเล่นเกมรุกอย่างเต็มที่ การเล่นที่ค่อนข้างรุนแรง และใจร้อนของเขาทำให้เขาถูกไล่ออกจากสนามในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2000/01 และนั่นก็ทำให้เขาต้องเรียนรู้ว่าควรจะใจเย็นมากขึ้น
หลังจากนั้นเขากลับมาลงเล่นให้กับทีม และสามารถทำ 11 ประตูให้กับลีดส์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2001/02 สมิธได้ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางมากขึ้นเนื่องจากทีมได้เซ็นสัญญากับกองหน้าตัวใหม่คือ ร็อบบี้ ฟาว์เลอร์ จากลิเวอร์พูล และนั่นก็ส่งผลต่อจำนวนประตูที่ลดลงของเขาในเวลาต่อมา สมิธลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่นัดแรกพบกับเม็กซิโก ที่ไพรด์ พาร์ค ในเดือนพฤษภาคม ปี 2001 และกลายเป็นตัวเลือกแรกของผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในตำแหน่งศูนย์หน้าของอังกฤษในชุดลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือก แต่เขากลับไม่มีชื่อติดทีมชาติเพื่อไปญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดีเขาติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อลงแข่งใน European Under-21 Championships ในครั้งนี้เขาได้ลงเล่นทั้งในตำแหน่งศูนย์หน้า และตำแหน่งกองกลาง ซึ่งสมิธโชว์ฟอร์มได้ดีมากที่สวิตเซอร์แลนด์ แม้ว่าทีมจะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ก็ตาม
สมิธได้เล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในนัดกระชับมิตรระหว่างอังกฤษ กับโปรตุเกส และเขาก็สามารถยิงประตูได้จากการผ่านบอลของ ลี โบว์เยอร์ แต่ในนัดถัดมาที่พบกับมาซิโดเนีย ในรอบคัดเลือกยูโร 2004 เขาต้องถูกไล่ออกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และผลการแข่งขันก็จบด้วยการเสมอกัน 2-2 ที่สนามเซนต์ แมร์รี่
การได้ 12 ใบเหลือง และ 3 ใบแดงของเขาในฤดูกาลนี้ทำให้ทุกคนต่างก็พูดถึงพฤติกรรมของเขา อีกทั้งการที่ทำได้เพียง 3 ประตูใน พรีเมียร์ ลีก นั่นก็ไม่สร้างความประทับใจให้ใครๆ เลย จนกระทั่งในฤดูกาล 2003/04 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ว่าเริ่มต้นฤดูกาล 21 นัด เขาจะได้ใบเหลืองมาถึง 9 ใบแล้วแต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ดูดีขึ้นมาก และเขาก็แสดงถึงความพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะช่วยทีมในการหนีตกชั้น
สมิธถูกเรียกติดทีมชาติอีกครั้งนับตั้งแต่ได้ใบแดงในนัดที่พบกับมาซิโดเนีย โดยเขาถูกเลือกให้ลงเล่นในนัดที่อังกฤษพบกับเดนมาร์ก ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่จากการที่เขาขว้างขวดใส่แฟนบอลในสนามตอนแข่งคาร์ลิ่ง คัพ ที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านั้น ทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษสั่งห้ามเขาลงเล่นให้กับทีมชาติครั้งนี้ แต่สเวน โกรัน อิริคส์สัน ยืนยันที่จะให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติต่อไป โดยเรียกตัวเขากลับมาติดทีมชาติอีกครั้งนัดที่พบกับโปรตุเกส ในเดือนกุมภาพันธ์
กับการเล่นให้สโมสรเขาปรับปรุงตัวเองได้ดีขึ้นมาก โดยเขาไม่ได้ใบเหลืองเลยตั้งแต่เดือนมกราคม จนจบฤดูกาล และเขาก็ยังสามารถยิงประตูให้ทีมได้อีก 9 ประตู แต่การที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องตกชั้น ก็ย่อมทำให้นักเตะที่มีความสามารถอย่างเขาต้องการที่จะย้ายทีม ซึ่งมีหลายทีมสนใจเขาทั้ง เอฟเวอร์ตัน, มิดเดิ้ลสโบรซ์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเขาก็เลือกที่จะย้ายมาเล่นให้กับทีมคู่รักคู่แค้นอย่างทีมปีศาจแดงในวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2004 ด้วยสัญญา 5 ปี
สมิธลงเล่นให้กับทีมจากเอลแลนด์ โรด 228 นัด และทำได้ 56 ประตู ก่อนจะย้ายมายังโรงละครแห่งความฝัน และลงเล่นนัดแรกให้กับทีมในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แต่เป็นการประเดิมสนามได้ไม่ดีเท่าไหร่เมื่อทีมต้องพ่ายให้กับอาร์เซนอล
|